สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 70 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (19 มี.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ผ่านการเข้าซื้อพันธบัตร ซึ่งจุดกระแสความวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 958.80 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 69.70 ดอลลร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 926.00-963.50 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดที่ 13.520 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.585 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 9.1 เซนต์ ปิดที่ 1.8075 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,121.80 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 79.40 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 206.00 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 11.35 ดอลลาร์
เจมส์ สตีล นักวิเคราะห์จากธนาคาร HSBC ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทะยานขึ้นถ้วนหน้าเพราะได้แรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากเฟดประกาศใช้มาตการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ที่ครอบคลุมถึงการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า และเพิ่มการรับซื้อตราสารที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) อีก 7.50 แสนล้านดอลลาร์
เฟดเชื่อว่าการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบจะช่วยยับยั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอย และกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภคและการปล่อยกู้ แต่ก็ทำให้เกิดความกังวลว่าจะยิ่งทำให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์มากขึ้น และอาจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อตามมา