แองเกล เกอร์เรีย ประธานองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มว่าจะหดตัวลงในปี 2552 นี้ ขณะที่เศรษฐกิจจีนน่าจะขยายตัวที่ระดับ 6-7%
ประธาน OECD กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงปักกิ่งว่า ก่อนหน้านี้ เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวเป็นบวกด้วยอานิสงส์จากจีนและอินเดีย แต่ขณะนี้เศรษฐกิจของสองประเทศยักษ์ใหญ่เอเชียไม่แข็งแกร่งเหมือนก่อน จึงไม่น่าจะช่วยพยุงให้เศรษฐกิจโลกโดยรวมขยายตัวขึ้นได้
ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนโต 9% ในปี 2551 ซึ่งเป็นการขยายตัวในระดับที่ชะลอตัวที่สุดตั้งแต่ปีพ.ศ. 2544 ส่งผลให้รัฐบาลจีนต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่มูลค่า 4 ล้านล้านหยวน (5.85 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวได้ตามเป้าที่ระดับ 8%
ในสัปดาห์นี้ ธนาคารโลกก็เพิ่งออกมาลดคาดการณ์การขยายตัวของจีน ซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก เหลือ 6.5% เนื่องจากการส่งออกที่ทรุดลง ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐ ญี่ปุ่น และยุโรปที่อยู่ในภาวะถดถอยจะกดดันให้เศรษฐกิจโลกหดตัวตามไปด้วยในปีนี้ โดย IMF คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกปี 2552 จะหดตัวลงราว 0.5-1% ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 60 ปี
ถ้อยแถลงของนายเกอร์เรียมีขึ้นก่อนที่ OECD จะเผยแพร่รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจซึ่งได้รับการทบทวนใหม่ในวันที่ 31 มีนาคมนี้