ผู้บริหารของซิตี้กรุ๊ป แบงค์ ออฟ อเมริกา และเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ซึ่งได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลมูลค่ากว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ ต่างไม่พอใจกับการที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงคะแนนเสียงสนับสนุนร่างกฎหมายจัดเก็บภาษีเงินโบนัสพนักงานบริษัทที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงคะแนนโหวต 328 ต่อ 93 เสียง สนับสนุนร่างกฎหมายจัดเก็บภาษีเงินโบนัส 90% กับพนักงานของบริษัทที่ได้รับเงินช่วยเหลืออย่างน้อย 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากบรรดาผู้เสียภาษี
การลงมติเห็นชอบร่างกฏหมายฉบับนี้มีขึ้นหลังจากที่บริษัทเอไอจีประกาศจ่ายเงินโบนัสก้อนใหญ่กว่า 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่บริษัทได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลมูลค่า 1.73 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะครอบคลุมถึงบริษัทที่ได้รับเงินช่วยเหลือ 75% ด้วยเช่นกัน
เคนเนธ ลิวอิส ซีอีโอของแบงค์ ออฟ อเมริกา กล่าวถึงมาตรการดังกล่าวว่า ไม่ยุติธรรม ขณะที่นายวิกรม บัณฑิต ซีอีโอซิตี้กรุ๊ป กล่าวว่า ธนาคารซิตี้กรุ๊ปกำลังดำเนินการอย่างเหมาะสมกับผู้บริหารระดับนโยบาย ด้านเจมี ไดมอน ผู้บริการเจพีมอร์แกนก็ได้เรียกประชุมทางไกลผ่านโทรศัพท์กับผู้บริหาร 200 คน และชี้ว่า บริษัทเป็นห่วงเรื่องการเก็บภาษีดังกล่าวและกำลังปรึกษากับทีมกฎหมาย
ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐวางแผนที่จะลงคะแนนเสียงร่างกฎหมายจัดเก็บภาษีเงินโบนัส 90% กับพนักงานของบริษัทที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลในสัปดาห์หน้า
โฆษกกล่าวว่า ธนาคารกังวลว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อพนักงาน ขณะที่ธนาคารกำลังพยายามที่จะสร้างความเชื่อมั่นกับพนักงานและดูแลให้พนักงานใส่ใจลูกค้า ซีอีโอแบงค์ออฟอเมริกากล่าวว่า การจัดเก็บภาษีเงินโบนัสจะทำให้ระบบการเงินฟื้นตัวช้า ด้านไดมอนก็ออกมาผลักดันให้พนักงานออกมาเรียกร้องนักการเมืองและแสดงความคิดเห็นของตนเอง บลูมเบิร์กรายงาน