นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวระหว่างนำคณะออกตรวจความพร้อมพื้นที่โดยเฉพาะโรงสี ในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 หลังจากที่เริ่มเปิดรับจำนำตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้มีโรงสีที่มีความพร้อมเข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 88 จุดทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ภาคกลาง ยอมรับว่า เกษตรกรต้องการให้ภาครัฐเพิ่มเพดานวงเงินที่เกษตรกรจะสามารถขายข้าวได้ จากเดิม 500,000 บาท แต่มติของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ปรับลดเหลือรายละไม่เกิน 350,000 บาท โดยเกษตรกรต้องการให้ขยายวงเงินเป็น 500,000 บาท
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในจะนำข้อเรียกร้องดังกล่าว เสนอให้รัฐบาลพิจารณาในเร็ว ๆ นี้
สาเหตุที่ กขช. กำหนดเพดานจำนำข้าวไว้ที่รายละ 350,000 บาท เนื่องจากผลผลิตข้าวเปลือกนาปรังปีนี้จะมีปริมาณรวม 6 ล้านตันข้าวเปลือกน้อยกว่าปริมาณข้าวเปลือกนาปีที่ผลิตได้ในแต่ละปี และการปรับลดเพดานรับจำนำลง ก็เพื่อให้เกษตรกรรายย่อยทั่วประเทศสามารถนำข้าวมาจำนำกับภาครัฐได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ อัตราการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปีนี้ รัฐบาลกำหนดปริมาณรับจำนำไว้ 2.5 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวเปลือกเจ้า 5 เปอร์เซ็นต์ ราคารับจำนำอยู่ที่ตันละ 11,800 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 100 เปอร์เซ็นต์ ราคารับจำนำอยู่ที่ตันละ 12,000 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี ราคารับจำนำอยู่ที่ตันละ 12,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียวความชื้นไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ ราคารับจำนำอยู่ที่ตันละ 9,000 บาท