จาง หยูไท่ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการพัฒนาของสภาแห่งรัฐ กล่าวว่า แผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน (5.86 แสนล้านดอลลาร์) อาจช่วยเสริมให้เศรษฐกิจของประเทศจีนขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.5 - 1.9% ในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลสืบเนื่องให้จีดีพีจีนโดยรวมขยายตัวได้ 8% ตามเป้าหมายที่วางไว้
"จีนมีศักยภาพที่จะเป็นประเทศแรกในโลกที่ก้าวพ้นจากวิกฤต และรักษาอัตราการขยายตัวได้อย่างมีเสถียรภาพในระยะกลางและระยะยาว" นายจางกล่าวในการประชุม China Development Forum 2009 ที่กรุงปักกิ่งในวันนี้
พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรี หลี่ เกอเฉียง ก็กล่าวย้ำในที่ประชุมเช่นกันว่า จีนจะบรรลุเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2552 นี้ โดยชี้ให้เห็นว่า อตสาหกรรมบางแห่งเริ่มส่งสัญญาณของการฟื้นตัวแล้ว
ด้านหวาง จุน รมช.คลังกล่าว กล่าวกับที่ประชุมถึงการที่จีนได้ประกาศใช้งบประมาณขาดดุลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 9.5 แสนล้านหยวนในปีนี้ ซึ่งเขายืนยันว่า รัฐบาลสามารถควบคุมความเสี่ยงอันอาจเกิดจากการใช้งบประมาณขาดดุลดังกล่าวได้
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนหวังว่า งบใช้จ่ายดังกล่าวจะสามารถกระตุ้นความต้องการในประเทศเพื่อชดเชยกับการส่งออกที่ลดลงจนทำให้จีนซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของโลกขยายตัวในระดับที่อ่อนแอที่สุดในรอบเจ็ดปี โดยจีดีพีจีนขยายตัว 6.8% ในไตรมาส 4 ปี และ 9% ตลอดปีงบประมาณ 2551 เทียบกับ 13% ในปี 2550
อย่างไรก็ตาม ขณะที่รัฐบาลจีนเชื่อว่าเศรษกิจของประเทศจะขยายตัวได้ถึง 8% ในปีนี้นั้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารโลกก็เพิ่งออกมาปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนประจำปี 2552 จาก 7.5% เป็น 6.5% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับไอเอ็มเอฟที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะโตที่ระดับ 6.7% ด้านโออีซีดีก็มีแนวโน้มว่าจะปรับลดการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนลงมาอยู่ที่ 6% เท่านั้น