จอห์น นอร์มานด์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนด้านปริวรรตเงินตราของเจพี มอร์แกน ในกรุงลอนดอน กล่าวว่า สกุลเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้นกว่า 7.2% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการยับยั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ ซึ่งเป็นเหตุให้เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, มอร์แกน สแตนลีย์ และซิตี้กรุ๊ป แนะนำให้นักลงทุน "ซื้อ" สกุลเงินยูโร
นักลงทุนทุ่มซื้อสกุลเงินยูโรโดยไม่ให้ความสนใจต่อรายงานของสถาบัน IfW ของเยอรมนีที่ระบุว่า เศรษฐกิจสหภาพยุโรป (อียู) มีแนวโน้มหดตัว 3.3% ปีนี้ และแม้มีข่าวว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เตรียมเข้าซื้อตราสารหนี้และมีมติลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นสภาพคล่องในระบบการเงิน ซึ่งนักลงทุนไม่มั่นใจว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยคลี่คลายวิกฤตการณ์ในตลาดการเงินได้ หลังจากที่เบอร์นันเก้ ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางสวิส ประกาศใช้มาตรการพลิกฟื้นตลาดการเงินไปก่อนหน้านี้
"เราคาดว่าในระยะใกล้นี้ ดอลลาร์จะถูกเทขายอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ที่ครอบคลุมถึงการข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า และเพิ่มการรับซื้อตราสารที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) อีก 7.50 แสนล้านดอลลาร์" นอร์มานด์กล่าว
นอร์มานด์คาดการณ์ว่า สกุลเงินยูโรจะพุ่งขึ้น 3.1% แตะระดับ 1.40 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากพุ่งขึ้น 5.1% แตะระดับ 1.3582 ดอลลาร์/ยูโรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นับตั้งแต่อีซีบีชะลอการซื้อทรัพย์สินของธนาคารพาณิชย์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน