เอกชนชะลอโครงการลงทุน 4 หมื่นลบ. หลังศาลสั่งมาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 23, 2009 12:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า หลังจากศาลปกครองจังหวัดระยองมีคำสั่งให้มาบตาพุดและพื้นที่ใกล้เคียงเป็นเขตควบคุมมลพิษ ได้ส่งผลให้มีการชะลอโครงการลงทุนใน จ.ระยอง แล้ว 3 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 40,000 ล้านบาท

ประกอบด้วย โครงการโรงแยกก๊าซของ บมจ.ปตท.(PTT) คิดเป็นมูลค่าลงทุน 20,000 ล้านบาท, โครงการผลิตน้ำมันยูโร 4 ของบริษัท เอสพีอาร์ซี โรงกลั่นสตาร์ คิดเป็นมูลค่าลงทุนประมาณ 18,000 ล้านบาท และโครงการอีพร็อคซี เลซิน ของกลุ่มเบอร์รากรุ๊ป มูลค่าที่ชะลอลงทุน 2,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ผู้ประกอบการที่มีโครงการลงทุนที่ได้ผ่านรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA)ไปแล้วอีกราว 3 แสนล้านบาท ต่างมีความกังวลใจว่าหลังจากพื้นที่มาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียงได้ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ควบคุมมลพิษแล้ว เงื่อนไขรายละเอียดตลอดจนข้อกำหนดต่างๆ เรื่องสิ่งแวดล้อมในการผ่าน EIA จะต้องเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ เพราะจากนี้จะต้องไปอยู่ในการดูแลของท้องถิ่น ซึ่งหมายถึงองค์การบริหารส่วนจังหวัดและองค์การบริหารส่วนตำบล จากเดิมที่อยู่ในการดูแลของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ

"กลุ่มนี้กังวลว่าเมื่อประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษแล้ว การกำหนดค่ามาตรฐานต่างๆ เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม จะไปอยู่ในการดูแลของจังหวัดและองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และหวั่นว่าจะกำหนดมาตรฐานการปล่อยมลพิษเปลี่ยนไปจากปัจจุบันอีกหรือไม่ เช่น หากต้องทำตามมาตรฐานใหม่ภายใน 1-2 ปี ก็จะยากต่อการปรับเปลี่ยน เนื่องจากลงทุนเครื่องจักรไปแล้ว" นายสันติ กล่าว

ประธาน ส.อ.ท.กล่าวด้วยว่า จะมีการหยิบยกประเด็นผลกระทบของภาคเอกชนด้านการลงทุนต่อการประกาศให้มาบตาพุดและพื้นที่ใกล้เคียงเป็นเขตควบคุมมลพิษเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน(กรอ.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในเร็วๆ นี้



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ