สหพันธุ์อุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI) ได้ออกมาแนะนำให้รัฐบาลยุติการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เนื่องจากสถานภาพทางการเงินภาคสาธารณะของอังกฤษอยู่ในภาวะที่ต้องระมัดระวัง และรัฐบาลก็อาจจะเผชิญความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจอ่อนตัวนานต่อไปอีก หากว่ารัฐบาลตัดสินใจใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
รายงานของสหพันธุ์ฯที่เสนอต่อนายอลิสแตร์ ดาร์ลิง รัฐมนตรีคลังอังกฤษ ระบุว่า การลดภาษีเพิ่มเติมและการให้คำมั่นว่าจะใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจอีกนั้นจะเป็นการดำเนินการที่ส่งเสริมให้ประชาชนเก็บเงินมากกว่าที่จะใช้จ่าย เนื่องจากคาดการณ์ว่า จะมีการขึ้นภาษีในอนาคตและยังส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้อตราสารหนี้ของรัฐบาลอังกฤษ ขณะที่ยอดขาดดุลทะยานขึ้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ได้มีการประกาศไปเมื่อเดือนพ.ย. รวมทั้งการผ่อนปรนมาตรการทางการเงินโดยธนาคารกลางอังกฤษนั้น คงจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าที่จะเห็นผล
บลูมเบิร์กรายงานว่า เอียน แมคคาฟเฟอร์ตี หัวหน้าที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของ CBI ระบุว่า ตอนนี้ยังไม่มีการระบุถึงเรื่องมาตรการกระตุ้นทางการเงินในงบประมาณปัจจุบัน โดยปัจจุบันรัฐบาลได้รับเงินรายได้จากการจัดเก็บภาษีลดลง และมียอดการใช้จ่ายด้านสวัสดิการเพิ่มเติม หลังจากที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้กำไรของบริษัทลดลงและอัตราว่างงานสูงขึ้น CBI ชี้ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณอาจจะสูงเกิน 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่รมว.คลังอังกฤษได้คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา
สหพันธุ์ฯยังได้ผลักดันให้รัฐบาลคงตัวเลขการลงทุนในโครงการต่างๆไว้ เช่น โครงการที่เกี่ยบกับโรงเรียนและการขนส่ง รวมทั้งลดความต้องการที่จะขึ้นภาษีเมื่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยสิ้นสุดลง ด้วยการระงับการใช้จ่ายงบ 5.87 แสนล้านปอนด์เป็นเวลาหลายปี นับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2554 เป็นต้นไป การขึ้นภาษีนั้นไม่ควรจะเป็นอุปสรรคสำหรับการลงทุนภาคเอกชนและการส่งออก ในช่วงที่การฟื้นเศรษฐกิจจำเป็นต้องอาศัย 2 ปัจจัยสำคัญดังกล่าว
นอกจากนี้ CBI ยังได้เรียกร้องรัฐบาลให้ยกเลิกแผนการเพิ่มสัดส่วนการมีส่วนร่วมในการประกันและการจัดเก็บภาษีกับผู้จ้างงานตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นไป