นาย กรณ์ จาติวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการเพิ่มบทบาทภาคเอกชน (Public Private Partnership : PPP) ที่มีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบให้ปรับเพิ่มวงเงินลงทุนในโครงการต่าง ๆ ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ที่ต้องดำเนินการในลักษณะร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน จาก 5% เป็น 18-19% หรือ จากวงเงินร่วมลงทุนเดิมที่ 60,000-70,000 ล้านบาท เพิ่มเป็นประมาณ 300,000 ล้านบาท จากโครงการที่รัฐจะลงทุนวงเงิน 1.4 ล้านล้านบาทใน 3 ปี เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาลและยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานมากขึ้น
ทั้งนี้ ให้ขยายกรอบของโครงการลงทุนให้ครอบคลุมโครงการเชิงสังคมด้วย เช่น การการสร้างหอพักให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจ นอกเหนือจากเดิมที่กำหนดไว้เฉพาะโครงการที่เป็นการให้บริการประชาชน และมีผลตอบแทนเป็นรายได้กลับคืนมา เช่นโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ หรือโครงการด้านโทรคมนาคม
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ คณะกรรมการ PPP เป็นผู้กำหนดเลือกโครงการที่จะเข้าสู่หลักเกณฑ์ของการเป็น PPP หรือเข้าสู่กระบวนการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ ปี 35 (พ.ร.บ.ร่วมทุน) เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานกลางที่ชัดเจนเพื่อเข้ามาดำเนินการตามกรอบ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ
"ตามหลักเกณฑ์แล้วโครงการใดที่ลงทุนเกินกว่า 1,000 ล้านบาท และเป็นโครงการที่เข้าร่วมกับภาคเอกชน ต้องดำเนินการตามกรอบ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ แต่ก็มีหลายโครงการที่ไม่ได้เข้าสู่กระบวนการร่วมทุนฯ เช่นโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากภาคเอกชนขนาดใหญ่หรือไอพีพี เป็นต้น เนื่องจากโครงการเหล่านี้ไม่ได้ลงทุนในทรัพย์สินของรัฐบาล" รมว.คลังกล่าว