สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงต่อเมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนตัดสินใจเทขายสัญญาทองคำและหันเข้าเทรดในตลาดหุ้นซึ่งได้รับแรงหนุนจากยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.ที่พุ่งขึ้นเหนือความคาดหมาย และขานรับข่าวรัฐบาลสหรัฐประกาศแผนกำจัดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพออกจากงบดุลบัญชีธนาคาร
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 952.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 3.70 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 945.50-958.10 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดที่ 13.875 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 3.50 เซนต์
ส่วนสัญญาพลาตินัมเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,143.30 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 29.10 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 213.25 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 2.35 ดอลลาร์
จอร์จ เจโร นักวิเคราะห์จาก RBC Capital Markets Global Futures ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำนิวยอร์กซบเซาลง เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากถอนฐานการลงทุนออกจากตลาดทองคำและเข้าเทรดในตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทะยานขึ้นแข็งแกร่งเกือบ 500 จุดเมื่อคืนนี้ หลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติที่ระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองพุ่งขึ้น 5.1% ในเดือนก.พ.แตะระดับ 4.72 ล้านยูนิต สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.จะร่วงลง 0.9%
อย่างไรก็ตาม ตลาดทองคำได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลที่ว่า ณ วันที่ 20 มี.ค.กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองคำรายใหญ่ของโลก ถือครองทองคำที่ระดับ 1,114.60 ตัน ณ วันที่ 20 มี.ค. เพิ่มขึ้น 11.31 ตัน