แอนดรู คูโม อัยการประจำนครนิวยอร์ก เปิดเผยว่า ผู้บริหาร 9 จาก 10 คนของเอไอจีเห็นพ้องต้องกันที่จะคืนเงินโบนัสมูลค่ารวมกว่า 80 ล้านดอลลาร์ให้กับทางการสหรัฐ
โดยเงินจำนวนดังกล่าวมีมูลค่าเกือบครึ่งหนึ่งของเงิน 165 ล้านดอลลาร์ที่เอไอจีจ่ายเป็นโบนัสให้พนักงานเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ทั้งที่ทางบริษัทประสบภาวะขาดทุนอย่างหนักจนต้องขอรับเงินช่วยเหลือมูลค่า 1.73 แสนล้านดอลลาร์จากรัฐบาล ซึ่งเงินดังกล่าวก็มาจากภาษีของประชาชนนั่นเอง
การกระทำของเอไอจีส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก นอกจากนั้นยังกดดันให้วุฒิสภาสหรัฐต้องเร่งผ่านร่างกฎหมายเก็บภาษี 90% ของเงินโบนัสสำหรับบริษัทที่รับเงินช่วยเหลือจากรัฐแต่กลับนำเงินดังกล่าวไปจ่ายโบนัสให้พนักงาน
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวว่าร่างกฎหมายดังกล่าวไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แต่การที่พนักงานของหลายบริษัทเริ่มคืนเงินโบนัสให้กับทางการทำให้ร่างกฎหมายดังกล่าวอาจไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป
หลังจากเกิดกรณีโบนัสเอไอจีแล้ว ไอเอ็นจี กรุ๊ป เอ็นวี ซึ่งเป็นธนาคารของเนเธอร์แลนด์รายแรกที่รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ได้ออกมาเรียกร้องให้ผู้บริหารระดับท็อป 200 และลูกทีมคืนเงินโบนัสเมื่อปีที่แล้ว และยังได้เลื่อนเวลาในการจ่ายเงินชดเชยเงินสดปีนี้สำหรับพนักงานทุกคนออกไปก่อน จนกว่าจะมีการออกนโยบายใหม่ในปีหน้า
นโยบายดังกล่าวได้มีการส่งไปถึงพนักงานในวันนี้ มีใจความว่า เมื่อพิจารณาจากเสียงวิจารณ์ของประชาชนเกี่ยวกับการจ่ายเงินโบนัสในภาคธุรกิจการเงินและธนาคาร ไอเอ็นจีจึงสมควรที่จะออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริงที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน