แองเกล เกอร์เรีย ประธานองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ซึ่งเป็นตัวแทนของ 30 ชาติมหาอำนาจด้านอุตสาหกรรมของโลก คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะหดตัวลงในปีนี้
"เศรษฐกิจโลกเคลื่อนไหวในแดนลบ แม้เศรษฐกิจของจีนมีแนวโน้มขยายตัว 6-7% ในปีนี้ก็ตาม นอกจากนี้ เศรษฐกิจในกลุ่ม OECD จะหดตัวลงด้วยเช่นกัน ซึ่งเราประเมินว่าขยายตัวของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ อาทิ จีนและอินเดีย จะไม่สามารถชดเชยการหดตัวของกลุ่มประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจได้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกหดตัวลงอย่างถ้วนหน้า" เกอร์เรียกล่าวในที่ประชุมเศรษฐกิจซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง
เกอร์เรียกล่าวว่า แม้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลง แต่ก็ยังสามารถประคับประคองตัวเองให้ขยายตัวต่อไปได้และจะมีอิทธิพลต่อชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจหลายแห่งที่กำลังเผชิญกับภาวะถดถอย ซึ่งเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวต่อไปได้นั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้อัตราว่างงานของจีนลดลงในระดับที่น่าพอใจ
นอกจากนี้ เกอร์เรียคาดหวังว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 5.86 แสนล้านดอลลาร์ที่จีนประกาศใช้ตั้งแต่ปีที่แล้วจะช่วยกระตุ้นดีมานด์ในประเทศและจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นเศรษฐกิจโลกให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย
ทั้งนี้ OECD คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวในอัตรา 6.5-7.5% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของธนาคารโลก
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกปี 2552 จะหดตัวลงราว 0.5-1% ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวครั้งแรกในรอบ 60 ปี และมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนม.ค.ว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 0.5% ในปีนี้ พร้อมกับแนะนำฐบาลทั่วโลกให้ใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ดังกล่าว สำนักข่าวบีบีซีรายงาน