EXIM BANK จับมือ 10 แบงก์ประกันความเสี่ยงให้ผู้ส่งออกฝ่ากระแสวิกฤติโลก

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 24, 2009 12:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือภายใต้บริการประกันการส่งออกระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(EXIM BANK)กับสถาบันการเงิน 10 แห่ง ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นผลจาก EXIM BANK ได้รับการอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนจากกระทรวงการคลังจำนวน 5,000 ล้านบาท เพื่อไปให้บริการประกันการส่งออก (EXIM Surance) ที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงให้แก่ผู้ส่งออกไทยจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศท่ามกลางภาวะวิกฤตการเงินโลก

ความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK กับธนาคารทั้ง 10 แห่ง จะช่วยให้ผู้ส่งออกไทยซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารนั้นๆ สามารถเข้าถึงบริการประกันการส่งออกของ EXIM BANK ได้โดยสะดวกขึ้นโดยการติดต่อผ่านธนาคารที่ตนเองมีธุรกรรมอยู่ ทั้งยังมีโอกาสได้รับการขยายสินเชื่อเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากกรมธรรม์ประกันการส่งออกของ EXIM BANK ถือเป็นหลักประกันประเภทหนึ่งที่สามารถโอนสิทธิการรับค่าชดเชยสินไหมทดแทนให้แก่ธนาคารผู้ให้กู้ได้

สำหรับบริการประกันการส่งออกช่วยให้ผู้ส่งออกไทยสามารถเสนอเงื่อนไขการชำระเงินที่เหมาะสมและแข่งขันได้ให้แก่ผู้ซื้อในต่างประเทศจำนวนกว่า 200 ประเทศทั่วโลก โดย EXIM BANK จะคุ้มครองความเสี่ยงทางการค้า ได้แก่ กรณีผู้ซื้อล้มละลาย ผู้ซื้อไม่ชำระเงินค่าสินค้า และผู้ซื้อปฏิเสธการรับมอบสินค้า หรือความเสี่ยงทางการเมือง ได้แก่ การควบคุมการโอนเงินกลับมายังประเทศไทย ผู้ซื้อไม่สามารถนำสินค้าเข้าไปในประเทศได้ และเกิดสงคราม จลาจล ปฏิวัติ รัฐประหาร โดย EXIM BANKจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้สูงสุดถึง 90% ของความเสียหายที่เกิดขึ้น

รวมทั้งช่วยตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ซื้อและติดตามหนี้ให้ในกรณีที่เกิดปัญหา ส่งผลให้ผู้ส่งออกไทยสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดของสินค้าไทยในตลาดเดิม รวมทั้งเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในตลาดใหม่ เพิ่มโอกาสให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของไทยเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดได้มากขึ้น

สำหรับสถาบันการเงินทั้ง 10 แห่ง ที่ร่วมมือกับ EXIM BANK ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ(BBL), ธนาคารกรุงไทย(KTB), ธนาคารกสิกรไทย(KBANK), ธนาคารทหารไทย(TMB), ธนาคารไทยธนาคาร(BT), ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB), ธนาคารนครหลวงไทย(SCIB), ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย, ธนาคารออมสิน และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

ทั้งนี้มีข้อมูลจากสถาบันประกันการส่งออกชั้นนำของโลกระบุว่า จำนวนของธุรกิจที่ล้มละลายในประเทศต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น โดยคาดว่าในปีนี้จำนวนธุรกิจที่ล้มละลายในสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเป็น 62,000 แห่ง(จาก 28,322 แห่งในปี 2550) ในญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นเป็น 17,000 แห่ง(จาก 14,091 แห่งในปี 2550) ขณะที่สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสจะเพิ่มขึ้นเป็น 38,200 แห่ง(จาก 22,832 แห่งในปี 2550) และ 62,700 แห่ง(จาก 50,012 แห่งในปี 2550) ตามลำดับ



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ