นายศุภรักษ์ ควรหา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ไม่อนุมัติให้มีการปรับปรุงอัตราภาษีป้ายตามแผนปฏิบัติการในการจัดระเบียบป้ายซึ่งกระทรวงการคลังเสนอ เนื่องจากเห็นว่ายังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม ขณะเดียวกันไม่ได้เพิ่มรายได้ให้กับรัฐมากนัก แต่กลับเป็นการสร้างภาระให้กับภาคเอกชน โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว โดยให้กระทรวงการคลังนำเรื่องกลับไปพิจารณาแล้วเสนอมาใหม่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาปรับขึ้นอัตราภาษีป้ายใหม่ทั้งหมด เพราะเห็นว่าอัตราที่จัดเก็บในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะเป็นอัตราที่จัดเก็บมาตั้งแต่ปี 35 จึงควรแก้ไขกฎกระทรวงกำหนดอัตราภาษีป้ายเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ในสังกัดของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะเพิ่มรายได้ให้กับ อปท.ปีละประมาณ 600 ล้านบาท
โดยกระทรวงการคลังได้หารือร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว และเห็นชอบร่วมกันกำหนดอัตราภาษีป้ายใหม่ คือ ป้ายภาพนิ่งประเภทที่เป็นป้ายอักษรไทยล้วนให้จัดเก็บภาษีในอัตรา 5 บาทต่อ 500 ตร.ซม. จากเดิมที่เก็บเพียง 3 บาท เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในระดับหนึ่งแก่ผู้เสียภาษีป้ายประเภทอื่นที่ต้องเสียภาษีป้ายในอัตราสูง
ป้ายประเภทที่มีอักษรไทยปนกับอักษรต่างประเทศหรือปนกับภาพหรือเครื่องหมายอื่น ให้จัดเก็บ 30 บาทต่อ 500 ตร.ซม. จากเดิมจัดเก็บเพียง 20 บาท ซึ่งปัจจุบันภาษีประเภทนี้ต่ำกว่าประเภทที่ 3 ที่เป็นป้ายไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพหรือเครื่องหมายใดๆ อยู่ถึง 50% ทำให้เกิดการหลีกเลี่ยงภาษีด้วยการติดตั้งป้ายอักษรไทยขนาดเล็กอยู่เหนืออักษรต่างประเทศ เพื่อเสียภาษีเพียง 20 บาทต่อ 500 ตร.ซม. ซึ่งควรปรับปรุงเพื่อไม่ให้มีการหลีกเลี่ยงภาษี ส่วนป้ายประเภทที่ 3 ให้จัดเก็บเป็น 60 บาทต่อ 500 ตร.ซม.
สำหรับป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศให้เสียภาษีในอัตรา 40 บาทต่อ 500 ตร.ซม.ตามเดิม ขณะที่กำหนดให้จัดเก็บภาษีป้ายดิจิตอลที่มีอักษรวิ่งไม่ว่าจะเลื่อนไปซ้ายหรือขวาขึ้นหรือลง ในอัตรา 75 บาทต่อ 500 ตร.ซม. ส่วนป้ายที่พลิกไปมาได้หลายภาพ เช่นป้ายโฆษณาสินค้าหลายอย่าง ให้เก็บเป็น 100 บาท ต่อ 500 ตร.ซม. และป้ายลักษณะจอโทรทัศน์ที่เปลี่ยนภาพโฆษณาได้ง่ายกว่า เปลี่ยนภาพโฆษณาได้หลายภาพและเป็นภาพที่มีแสงสีสวยงาม กำหนดที่ 150 บาท ต่อ 500 ตร.ซม.