สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (24 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายสัญญาทองคำและหันเข้าเทรดในตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นเกือบ 500 จุดเมื่อวันจันทร์ ขานรับมาตรการเข้าซื้อหนี้เสียของกระทรวงการคลังสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 923.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 28.70 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 916.90-944.60 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดที่ 13.357 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 51.80 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 3.5 เซนต์ ปิดที่ 1.8060 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,117.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 25.60 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 207.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ดิ่งลง 5.75 ดอลลาร์
ดาริน นิวซัม นักวิเคราะห์จาก DTN กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำอย่างต่อเนื่องมาจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทะยานขึ้นเกือบ 500 จุดเมื่อวันจันทร์ ขานรับข่าวกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศใช้งบประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อกำจัดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพออกจากงบดุลบัญชีของธนาคารพาณิชย์ ภายใต้ชื่อ "โครงการลงทุนภาครัฐ-เอกชน" (Public-Private Investment Programme) ซึ่งมีเป้าหมายที่จะยับยั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอยและฟื้นฟูระบบการเงินในสหรัฐ
"แม้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าภาวะการซื้อขายที่คักคักในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันจันทร์จะเป็นเพียงปรากฎการณ์ระยะสั้น แต่นักลงทุนยังคงเทขายสัญญาทองคำและหันเทรดในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง"
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า ณ วันที่ 23 มี.ค. กองทุนได้ลดการถือครองทองแท่ง เหลือเพียง 1,114.29 ตัน ซึ่งลดลง 0.31 ตัน จากระดับเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ 1,114.60 ตัน