ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะเริ่มซื้อพันธบัตรระยะยาวในวันพรุ่งนี้ ตามเป้าหมายในการดึงต้นทุนการกู้ยืมให้ลดลงด้วยการใช้เครื่องมือต่างๆเหมือนที่เคยใช้เมื่อช่วงทศวรรษที่ 60 โดยปฏิบัติการแรกภายใต้วงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์นั้นมีเป้าหมายในการซื้อพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนตั้งแต่เดือนก.พ. 2559 ไปจนถึงเดือนก.พ. 2563 และในช่วง 9 วันที่จะถึงนี้ เฟดวางแผนที่จะซื้อตราสารหนี้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในระหว่างเดือนมี.ค. 2554 และเดือนก.พ. 2583
ธนาคารกลางสหรัฐได้เดินรอยตามธนาคารกลางอังกฤษและญี่ปุ่นในการซื้อพันธบัตรรัฐบาล คลี่คลายภาวะสินเชื่อที่ตึงตัวและภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากที่ได้ลดดอกเบี้ยลงใกล้ระดับ 0% ซึ่งการซื้อพันธบัตรของเฟดครั้งนี้อาจจะมีการใช้เงินกู้ล็อตใหม่ของรัฐบาลเพื่อสนับสนุนด้านการเงินต่อภาวะขาดดุลงบประมาณที่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้
บลูมเบิร์กรายงานว่า มาร์ค แมคควีน ผู้บริหารของ Sage Advisory Services Ltd. กล่าวว่า ในระยะสั้นนั้น การเข้าซื้อพันธบัตรของเฟดจะทำให้อัตราดอกเบี้ยต่ำลง แต่ความจำเป็นในการออกตราสารหนี้มูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 18 เดือนข้างหน้าจะทำให้การเข้าซื้อพันธบัตรครั้งนี้มีประสิทธิภาพน้อยลง
เบน เบอร์นานเก้ ประธานเฟด ประกาศแผนการซื้อพันธบัตรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งแผนการซื้อตราสารหนี้ที่เกี่ยวกับโครงการที่อยู่อาศัยถึง 1.45 ล้านล้านดอลลาร์ ด้วยความหวังที่ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านลง
เฟดระบุว่า โบรกเกอร์ 16 รายจะเข้ามาช่วยธนาคารกลางจัดทำนโยบายในการขายพันธบัตรให้กับเฟด ทั้งสำหรับธนาคารและลูกค้า ซึ่งบริษัทที่จะเข้ามาช่วยทำหน้าที่ดังกล่าวมีโกลด์แมน แซคส์ และแบงค์ ออฟ อเมริกา ด้วยเช่นกัน.