ออกัสติน ดี ฟาวเชอร์ ผู้อำนวยการด้านเศรษฐกิจมหภาคของ Moody's Economy.com คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวอย่างยั่งยืนได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2553 แม้ต้องเผชิญกับภาวะถดถอยรุนแรงสุดในรอบหลายสิบปีก็ตาม
"เราคาดว่าตลาดหุ้นนิวยอร์กจะดิ่งลงแตะก้นเหวในไม่ช้านี้ ตามด้วยยอดขายบ้านที่มีแนวโน้มดิ่งแตะก้นเหวในช่วงกลางปีนี้ และราคาบ้านจะดิ่งลงสุดๆภายในปีนี้เช่นกัน จากนั้นทุกอย่างจะ ดีดตัวขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ปี 2553 และในช่วงหลายปีเดียวกันนั้น ราคาบ้านจะค่อยๆปรับตัวสูงขึ้น" ฟาวเชอร์กล่าว
ฟาวเชอร์ยังกล่าวด้วยว่า "สหรัฐกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ Great Depression ซึ่งผมคาดว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าขั้นเลวร้ายก่อนที่จะเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นในเวลาต่อไป อย่างไรก็ตาม คณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ซึ่งจะช่วยพลิกฟื้นระบบเศรษฐกิจและการเงินให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งหนึ่งได้"
เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโอบามาได้ลงนามผ่านร่างกฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.87 แสล้านดอลลาร์ จากนั้นไม่นานสหรัฐได้มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายครั้ง ซึ่งต่อมาเฟดได้ประกาศใช้มาตการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ที่ครอบคลุมถึงการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า และล่าสุดกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศใช้งบประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อกำจัดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพออกจากงบดุลบัญชีของธนาคารพาณิชย์ ภายใต้ชื่อ "โครงการลงทุนภาครัฐ-เอกชน" (Public-Private Investment Programme)
"ทันทีที่ระบบการเงินมีเสถียรภาพ ตลาดจ้างงานและความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็จะฟื้นตัวขึ้นด้วย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐพร้อมที่จะฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง" ฟาวเชอร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม Moody's Economy.com คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเกือบแตะระดับ 10% ในปี 2553 จากนั้นจะทะยานขึ้นแตะระดับ 12% ในปี 2554 สำนักข่าวซินหัวรายงาน