นักวิเคราะห์คาดยอดซื้อสินค้าคงทนสหรัฐเดือนก.พ.ร่วง หลังศก.ถดถอยบีบเอกชนลดใช้จ่าย

ข่าวต่างประเทศ Wednesday March 25, 2009 12:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนประจำเดือนก.พ.ของสหรัฐจะร่วงลง 2.5% ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยส่งผลให้ภาคเอกชนลดการใช้จ่ายลง

ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค.ร่วงลง 5.2% เหลือเพียง 1.638 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีพ.ศ.2545 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค.จะลดลงเพียง 2.5%

โจนาธาน เบไซล์ นักวิเคราะห์จาก Credit Suisse Holdings USA ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า ความต้องการสินค้าคงทนในสหรัฐมีแนวโน้มทรุดตัวลงอย่งต่อเนื่อง เพราะสภาวะขาดแคลนเงินทุนทำให้บริษัทเอกชนปิดโรงงาน ลดการลงทุน และเลย์ออฟพนักงานจำนวนมาก แม้ธนาคารกลางสหรัฐและคณะทำงานของบารัค โอบามา พยายามออกมาตรการพลิกฟื้นเศรษฐกิจหลายครั้งแล้วก็ตาม

"ตัวเลขการใช้จ่ายด้านทุนทรุดตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งอาจทำให้ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนลดลงอีก และการที่ยอดสั่งซื้อจะฟื้นตัวขึ้นได้คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง" เบไซล์กล่าว

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนประจำเดือนก.พ.ในคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) และจากนั้นจะรายงานยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนก.พ. ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ายอดขายบ้านใหม่จะลดลง 300,000 หลัง/ปี ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวลงน้อยที่สุดในรอบ 46 ปี

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 5.1% แตะระดับ 4.72 ล้านหลัง สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.จะร่วงลง 0.9% แตะระดับ 4.45 ล้านหลัง/ปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเริ่มรวบรวมข้อมูลในปีพ.ศ.2543


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ