การจ่ายเงินสำหรับพนักงานในกลุ่มกองทุนเฮดจ์ฟันด์ของสหรัฐมีแนวโน้มลดลง 25% ในปีนี้ เนื่องจากบริษัทไม่สามารเก็บค่าธรรมเนียมลูกค้าส่วนใหญ่ได้หมด จนกว่าการดำเนินงานของกองทุนจะฟื้นตัวขึ้นจนสามารถชดเชยตัวเลขขาดทุนในปีที่ผ่านมาได้
อลัน จอห์นสัน ผู้ก่อตั้งบริษัทจอห์นสัน แอซโซซิเอทส์ อิงค์กล่าวว่า ในปีที่แล้วกองทุนเฮดจ์ฟันด์จ่ายเงินปันผลลดลงเฉลี่ย 35% โดยผู้จัดการกองทุน 6,800 แห่งสูญเงินราว 70% ในปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลตอบแทนการลงทุนลดลงเฉลี่ยที่ระดับ 19% ซึ่งหมายความว่า ลูกค้าจะไม่สามารถจ่ายค่าธรรมเนียมการดำเนินงานซึ่งปกติมีสัดส่วนราว 20% ของผลกำไรได้ จนกว่ากองทุนจะมีรายได้สูงขึ้นจนสามารถชดเชยกับตัวเลขขาดทุน
"เจ้าของเฮดจ์ฟันด์ต้องทำเช่นนั้น เพราะไม่มีทางเลือกอื่น" จอห์นสันกล่าว "มิเช่นนั้นแล้ว พนักงานของกองทุนจะไม่ได้รับเงินเป็นเวลา 3 ปี" จอห์นสันกล่าว
มอร์แกน สแตนลีย์ เปิดเผยว่าตัวเลขขาดทุนและอัตราการถอนกองทุนจะส่งผลให้ค่าธรรมเนียมลดลง ซึ่งโดยปกติจะคิดในอัตรา 2% ของสินทรัพย์โดยรวม โดยสินทรัพย์ในอุตสาหกรรมดิ่งลง 37% มาอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐจากระดับสูงสุดในเดือนมิ.ย.
โดยในปี 2551 อัตราผลตอบแทนสำหรับกองทุนเฮดจ์ฟันด์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 794,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลงจากระดับ 940,000 ดอลลาร์สหรัฐในปีก่อนหน้านี้ ขณะที่กองทุนราว 920 แห่งหรือประมาณ 12% ของกองทุนทั้งหมดต้องปิดตัวลง ซึ่งทางบริษัทอ็อพชั่น กรุ๊ป ในนิวยอร์กกล่าวว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์อาจปลดพนักงานทั่วโลก 20,000 ตำแหน่งในปีนี้ ซึ่งคิดเป็น 14% ของพนักงานทั้งหมดในกองทุนดังกล่าว
ทั้งนี้ กองทุนเฮดจ์ฟันด์เจาะกลุ่มนักลงทุนกระเป๋าหนักและกลุ่มนักลงทุนสถาบัน เช่น กลุ่มกองทุนบำนาญเป็นต้น สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน