ฟ่าน กัง ที่ปรึกษาธนาคารกลางจีนกล่าวในการประชุมที่ฮ่องกงว่า เศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงไตรมาส 2 และ 3 นี้ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.85 แสนล้านดอลลาร์เริ่มเห็นผล
นายกังชี้ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนแตกต่างจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ เศรษฐกิจจีนไม่ได้มีปัญหาทางการเงินที่จะต้องนำไปใช้เพื่ออุดช่องโหว่ ดังนั้นเงินทั้งหมดของจีนจึงจะถูกนำไปใช้กับเศรษฐกิจและผลักดันดีมานด์ภายในประเทศ ที่ผ่านมา เศรษฐกิจก็ฟื้นตัวขึ้นในระดับหนึ่งแล้ว
ทั้งนี้ การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนอ่อนตัวลงในระดับที่ชะลอตัวมากที่สุดในรอบ 7 ปีเมื่อไตรมาส 4 ปีที่แล้ว เนื่องจากปริมาณการค้าที่ร่วงลงเพราะเศรษฐกิจถดถอย ที่ปรึกษาแบงค์ชาติจีน กล่าวว่า ตอนนี้มีสัญญาณที่เป็นบวกในด้านการลงทุน การบริโภคภาคครัวเรือน และอสังหาริมทรัพย์ แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยรัฐบาลให้บรรลุเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ 8% ปีนี้
บลูมเบิร์กรายงานว่า เดวิด โคเฮน นักเศรษฐศาสตร์ของแอ็คชั่น อิโคโนมิคส์ กล่าวว่า คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่เศรษฐกิจจะขยายตัวถึง 8% หลังจากที่การส่งออกร่วงลงและการผลิตก็ลดน้อยลงเพราะดีมานด์สินค้าในต่างประเทศดิ่งลง แต่จีนก็ยังมีแนวโน้มที่ดีกว่าหลายประเทศที่สามารถชดเชยการส่งออกที่ร่วงลงด้วยความต้องการภายในประเทศ
จาง หยูไถ่ ผู้อำนวยการศูนย์การพัฒนาวิจัยของสภาจีน กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนอาจจะเป็นประเทศแรกที่ฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย เพราะมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย
การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในไตรมาส 4 ปีที่แล้วชะลอตัวลงเหลือ 6.8% จากระดับ 13% เมื่อปี 2550 ทางด้านธนาคารโลกระบุในรายงานว่า จีนกำลังรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ดีกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากภาคการธนาคารของจีนไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงิน นอกจากนี้ รัฐบาลนำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาใช้อย่างทันท่วงที แต่ธนาคารโลกก็ยังลดการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนปีนี้ลงเหลือ 6.5% จากระดับคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 7.5%