ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆของโลก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 มี.ค.) หลังจากนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐกล่าวว่า เขาเปิดกว้างต่อการใช้สกุลเงิน SDR ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่ารมว.คลังสหรัฐอาจเห็นด้วยต่อข้อเสนอของจีนที่ต้องการใช้สกุลเงินอื่นเป็นสกุลเงินหลักแทนดอลลาร์สหรัฐในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 97.410 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 97.750 เยน/ดอลลลาร์ และอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1197 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1315 ฟรังค์/ดอลลาร์
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.3592 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.3458 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลงแตะระดับ 1.4555 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4678 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับ 0.6970 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันอังคารที่ 0.6949 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ทะยานขึ้นแตะระดับ 0.5660 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5613 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ไบรอัน โดแลนด์ นักวิเคราะห์จาก Forex.com กล่าวว่า ไกธ์เนอร์กล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในกรุงนิวยอร์ก ซึ่งเมื่อผู้ร่วมประชุมถามความคิดเห็นกรณีที่นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนเรียกร้องให้นานาชาติใช้เงินสกุล SDR เป็นค่ามาตรฐานในระบบสำรองเงินตราแทนที่สกุลเงินดอลลาร์ของสหรัฐนั้น ไกธ์เนอร์ตอบว่า เขาเปิดกว้างต่อแนวความคิดนี้
"ดอลลาร์ร่วงลงอย่างหนักเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่ารมว.คลังสหรัฐอาจเห็นด้วยต่อข้อเสนอของจีนที่ต้องการใช้สกุลเงินอื่นเป็นสกุลเงินหลักแทนดอลลาร์สหรัฐในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนค่อนข้างโล่งใจเมื่อไกธ์เนอร์กล่าวในตอนท้ายว่า เขายังคงเห็นว่าสกุลเงินดอลลาร์เป็นสกุลเงินหลักในระบบสำรองเงินตราต่างประเทศ" โดแลนด์
โดแลนด์ยังกล่าวด้วยว่า ไกธ์เนอร์แสดงความคิดเห็นแบบคนที่ขาดความระมัดระวัง เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์อยู่ในภาวะที่เปราะบางและถูกกดดันอย่างหนักอยู่แล้วจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ และการแสดงความเห็นของไกธ์เนอร์อาจทำให้นักลงทุนตีความไปในทางลบมากกว่าบวก
เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามาระบุว่า สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งค่าเนื่องจากนักลงทุนมีความมั่นใจว่าสหรัฐยังสามารถเป็นผู้นำในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจโลก ซึ่งการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวได้หนุนค่าเงินดอลลาร์ทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวานนี้ด้วย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 3.4% แตะที่ 1.656 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสถิติที่ปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน และเป็นการทะยานขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 2550 หลังจากยอดสั่งซื้อดิ่งลง 7.3% ในเดือนม.ค.
ส่วนยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 4.7% แตะระดับ 337,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว หลังจากยอดขายอยู่ที่ 322,000 ยูนิตต่อปีในเดือนม.ค. และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงแตะระดับ 300,000 ยูนิต/ปี