นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า สกุลเงินยูโรมีแนวโน้มอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเพื่อสกัดกั้นภาวะเศรษฐกิจถดถอย
โคจิ ฟูคายา นักยุทธศาสตร์การลงทุนด้านปริวรรตเงินตราจากดอยช์ แบงค์ เอจี กล่าวว่า "ค่าเงินยูโรมีความเสี่ยงที่จะอ่อนตัวลง รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอและความเป็นไปได้ที่อีซีบีจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเพื่อยับยั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอย เราคาดว่าปัจจัยเหล่านี้จะทำให้เงินยูโรอ่อนตัวลงในระยะยาว"
เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 7.4% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นรายเดือนเป็นครั้งแรกในปีนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐเริ่มเข้าซื้อพันธบัตร ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าจะทำให้เม็ดเงินสกุลดอลลาร์ในระบบมีจำนวนมากขึ้น จึงทำให้นักลงทุนเทขายสกุลเงินดอลลาร์ออกมาเป็นจำนวนมาก
ส่วนเมื่อคืนนี้ สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐ กล่าวปาฐกถาในที่ประชุมสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่กรุงนิวยอร์ก ว่า เขา "เปิดกว้าง" ต่อข้อเสนอในการใช้สกุลเงิน SDR ในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่ารมว.คลังสหรัฐอาจเห็นด้วยต่อข้อเสนอของจีนที่ต้องการใช้สกุลเงินอื่นเป็นสกุลเงินหลักแทนดอลลาร์สหรัฐในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน