นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เรียกประชุมกรมจัดเก็บภาษีทั้ง 3 คือ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร เพื่อหารือเกี่ยวกับการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 52 หลังจากประเมินว่ารัฐบาลจะจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการที่ 1.58 ล้านล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป โดยได้ปรับลดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้มาเป็นหดตัว 2-3%แล้ว
นายกรณ์ กล่าวว่า แต่เดิมคาดว่าอาจจะจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า 130,000 ล้านบาท แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่ารัฐบาลจะจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายมากถึง 2 แสนล้านบาทหรือไม่ แต่กระทรวงการคลังได้ประเมินและเตรียมพร้อมวางแผนรองรับไว้
"แนวโน้มตอนนี้กดดันเรื่องความสามารถการจัดเก็บรายได้ ซึ่งเดิมเราคาดว่าจะหลุดเป้า 130,000 ล้านบาท ซึ่งประเมินช่วง ธ.ค.51 แต่เมื่อเป้าเติบโตเศรษฐกิจลดลง ย่อมกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ที่อาจแลวร้ายลง ซึ่งอาจจะต่ำกว่าเป้า 180,000-200,000 ล้านบาทหรือไม่นั้น เราก็มีการเตรียมแผนรองรับ"นายกรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ รมว.คลัง กล่าวว่า แผนรองรับกรณีที่จัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายมีหลายแนวทาง ทั้งการบริหารเงินสด หรือการคำนวณการจัดทำประมาณการรายจ่ายปีงบประมาณ 53 ให้สอดคล้องกับประมาณการรายได้ ขณะที่ได้กำชับให้กรมภาษีเพื่อทบทวนแนวทางการจัดเก็บภาษี
กรณีกรมสรรพากรได้รายงานถึงปัญหาการจัดเก็บภาษีเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงภาษีของกลุ่มคณะบุคคล ซึ่งพบหลายรูปแบบ ทั้งการกระจายรายได้ของกลุ่มคณะบุคคล หรือ การสร้างรายจ่ายเทียมเพื่อหลบเลี่ยงภาษี โดยได้มอบนโยบายให้กรมสรรพากรดำเนินการจัดการปัญหาดังกล่าวอย่างเข้มงวดมากขึ้น
ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)กล่าวว่า รมว.คลังได้มอบนโยบายให้กรมจัดเก็บภาษี ปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีมากขึ้น ขณะที่ในสัปดาห์หน้าจะมีการเชิญหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ 4 หน่วยงาน คือ สศค. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงบประมาณ มาหารือถึงภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อนำไปประเมินแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลและวางนโยบายต่างๆ ต่อไป