บีโอไอเผยออร์เดอร์อุตฯเครื่องไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์เริ่มฟื้นใน Q2/52

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 26, 2009 14:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เปิดเผยว่า จากการติดตามข้อมูลและความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมต่างๆ พบว่าในไตรมาส 2 ของปีนี้(เม.ย.-มิ.ย.52) อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มียอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น จนทำให้ต้องเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นกว่าในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว จนทำให้คำสั่งซื้อลดลงอย่างมาก

"บีโอไอได้รับการยืนยันจากผู้ประกอบการเครื่องใช้ฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่หลายราย ว่าคำสั่งซื้อสินค้าในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้เพิ่มมากขึ้นกว่าในไตรมาสแรก ซึ่งช่วงนั้นผู้ซื้อในต่างประเทศต่างตกใจและไม่มั่นใจว่าความต้องการของตลาดจะลดลงมากน้อยแค่ไหน จึงไม่สั่งซื้อสินค้าเพิ่มในสต็อก แต่ในวันนี้ความต้องการสินค้าเริ่มเพิ่มขึ้น สินค้าที่อยู่ในสต็อกเริ่มลดลง จึงทำให้มีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้น" เลขาธิการบีโอไอ กล่าว

ทั้งนี้กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ประเภทไวท์กู๊ดส์ (White Goods) ซึ่งประกอบด้วย เครื่องซักผ้า, ตู้เย็น, เครื่องปรับอากาศ, เตาไมโครเวฟ และโทรทัศน์ มียอดคำสั่งซื้อในช่วงไตรมาสสองกว่า 80% ของยอดคำสั่งซื้อในช่วงภาวะปกติ และผู้ผลิตบางรายมียอดคำสั่งซื้อเข้ามามากเท่ากับช่วงภาวะปกติด้วย โดยคำสั่งซื้อในช่วงไตรมาสแรกมีประมาณ 60-70% ของยอดคำสั่งซื้อในช่วงภาวะปกติ ซึ่งบริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มียอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ได้แก่ บริษัท ชาร์ป แอพพลายแอนซ์, บริษัท โตชิบา คอนซูมเมอร์ โพรดักส์, บริษัท แอลจี อิเล็กทรอนิกส์, บริษัท เจวีซี และบริษัท ไทยซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์

สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นกว่าในช่วงไตรมาสแรก ประกอบด้วย การผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และแผงวงจรรวม มียอดคำสั่งซื้อเข้ามาประมาณ 70-80% ของคำสั่งซื้อในช่วงภาวะปกติ เช่น บริษัท ฮิตาชิ โกบอล สตรอเรจ, บริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล, บริษัท ฟูจิตสึ และบริษัท เซเลสติก้า โดยคำสั่งซื้อในช่วงไตรมาสแรกของกลุ่มนี้มีประมาณ 60-70% ของยอดคำสั่งซื้อในช่วงภาวะปกติ

"คำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ทำให้ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ต้องเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นกว่าช่วงไตรมาสแรก รวมทั้งการให้พนักงานทำงานล่วงเวลามากขึ้น เพื่อเร่งผลิตสินค้าให้ทันตามกำหนด ทำให้ปัญหาการเลิกจ้างงานของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงไตรมาสที่ 2 ลดลงอย่างแน่นอน และผู้ผลิตบางรายอาจต้องการแรงงานเพิ่มมากขึ้นด้วยในช่วงนี้" นางอรรชกา กล่าว

ด้านนายกมล ตรีวิบูลย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท JVC แมนูแฟคเจอร์ริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต โทรทัศน์สี และกล้องวงจรปิด กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนมี.ค.บริษัทมียอดคำสั่งซื้อโทรทัศน์เพิ่มขึ้น คิดเป็นสัดส่วน 60% ของคำสั่งซื้อในช่วงภาวะปกติ และในช่วงไตรมาสที่ 2 มียอดคำสั่งซื้อเพิ่มเข้ากว่า 70% โดยเป็นคำสั่งซื้อจากลูกค้าในตะวันออกกลาง เอเชีย รัสเซีย รวมถึงยุโรปตะวันออก ส่วนสินค้ากล้องวงจรปิดที่ส่งออกไปญี่ปุ่นยอดขายปัจจุบันยังอยู่ในระดับ 100% ซึ่งเท่ากับยอดขายในช่วงภาวะปกติ

"แนวโน้มของยอดขายดีขึ้น คาดว่าในช่วงเดือนเมษายนนี้ บริษัทจะต้องเพิ่มเวลาการทำโอทีของพนักงาน เพื่อให้สามารถรองรับกับกำลังการผลิตสินค้าให้เพียงพอกับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น" นายกมล กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ