สำนักงานสถิติจีนเปิดเผยตัวเลขกำไรของบริษัทที่ทำธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ว่าร่วงลงเป็นครั้งแรก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกทำให้ความต้องการสินค้าส่งออกจากจีนลดลง
โดยรายได้สุทธิของจีนเดือนม.ค.-ก.พ. 2552 หดตัวลงถึง 37.3% จากระดับปีที่แล้ว แตะ 2.19 แสนล้านหยวน หรือ 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนตัวเลขกำไรเพิ่มขึ้น 16.5% ในช่วงเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว โดยจีนได้เริ่มเก็บข้อมูลดังกล่าวเมื่อเดือนก.พ. 2550
เศรษฐกิจจีนไตรมาส 4 ขยายตัวในระดับที่อ่อนตัวที่สุดในรอบ 7 ปี โดยการขยายตัวของผลผลิตอุตสาหกรรมชะลอตัวลงในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ และยอดขายในต่างประเทศก็ดิ่งลงมาก ทางด้านนายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวว่า จีนสามารถควบคุมภาวะการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจได้ โดยผ่านทางการใช้มาตรการผสมผสานระหว่างงบประมาณการใช้จ่ายและการกระตุ้นเศรษฐกิจ และหวังว่าเศรษฐกิจจีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกจะสามารถเป็นแรงขับเคลื่อนที่มีเสถียรภาพในการช่วยทั่วโลกต่อสู้กับวิกฤตการเงิน
บลูมเบิร์กรายงานว่า จิง จีเกียง นักเศรษฐศาสตร์ของไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล แคปิตอล คอร์ป กล่าวว่า มีสัญญาณบวกออกมามาก ไม่ว่าจะเป็นการผลิตพลังงาน ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ การผลิตที่มีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 2 ซึ่งปัจจัยเหล่านี้น่าจะมีส่วนช่วยให้บริษัทสามารถทำกำไรได้มากขึ้น โดยกำไรในภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในลักษณะที่อ่อนแรง
นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีน ได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวนเมื่อเดือนพ.ย. และได้จัดเตรียมแผนกระตุ้นอุตสาหกรรมหลัก 10 ประเภทในปีนี้ ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ เหล็ก โลหะปลอดเหล็ก ปิโตรเคมี และสิ่งทอ และยืนยันว่า รัฐบาลใช้มาตรการที่เพียงพอที่จะฟื้นเศรษฐกิจ และยังพร้อมที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกเวลา
เมื่อวันที่ 25 มี.ค.ทีผ่านมา รัฐบาลจีนก็ได้ขึ้นราคาเชื้อเพลิง เพื่อสนับสนุนตัวเลขกำไรของธุรกิจกลั่นน้ำมัน และยังวางแผนลดภาษีผลิตภัณฑ์บางประเภทที่ส่งไปขายในต่างประเทศ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มส่งออก