ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐในเดือนก.พ.มีแนวโน้มขยายตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า บรรยากาศด้านการใช้จ่ายที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากที่สุดนั้น เริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้ว
นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.พ.จะกระเตื้องขึ้น 0.2% ต่อเนื่องจากที่ขยายตัว 0.6% ในเดือนม.ค. อย่างไรก็ตาม รายงานอีกฉบับอาจระบุถึงข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกันยังมีมุมมองที่เป็นลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ
การปรับตัวเพิ่มขึ้นของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนราว 70% ของเศรษฐกิจนั้นได้ช่วยตัวกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจจะดีดตัวขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีบารัค โอบามา และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มเห็นผล อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ปรับลดพนักงานจำนวนมายังคงสั่นคลอนความเชื่อมั่นของชาวอเมริกันอยู่ในขณะนี้
สตีเฟ่น กัลลาเฮอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากโซซิเอเต เจเนอราลในนิวยอร์กกล่าวว่า "ผู้บริโภคเริ่มปรับตัวได้แล้ว หลังจากที่ลดการใช้จ่ายลงไปอย่างมากเมื่อช่วงที่ผ่านมา แต่สหรัฐยังคงไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในเร็วๆนี้ แม้ว่าเราจะผ่านพ้นจุดที่เลวร้ายที่สุดแล้ว โดยนักลงทุนเริ่มมีแรงจูงใจในการจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้นหลังจากที่มีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายระลอก และขณะนี้น้ำมันเบนซินมีราคาไม่ถึง 2 ดอลลาร์/แกลลอนซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคมีเงินในการซื้อของมากขึ้น ขณะที่มาตรการลดหย่อนภาษีเริ่มเห็นผลบ้างเช่นกัน"
โดยเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา หดตัว 6.3% ต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขติดลบหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2525 ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคลดลงสู่ระดับ 4.3% แต่ในปีนี้ บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยเริ่มดีขึ้นโดยจะเห็นได้จากรายงานยอดค้าปลีกเดือนก.พ.ที่ปรับตัวลดลงน้อยกว่าคาดหลังจากที่ขยายตัวขึ้น 1.8% ในเดือนม.ค.ซึ่งทำสถิติดีดตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 3 ปี
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐมีกำหนดรายงานตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคในเวลา 08:30 น.ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น (คืนนี้ตามเวลาในประเทศไทย)