นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวว่า รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องกู้เงินเพื่อนำมาแก้ไขปัญหาในช่วงที่เศรษฐกิจแย่ โดยเฉพาะจากการส่งออกที่ชะลอตัวลงมาก จำเป็นต้องเร่งการใช้จ่ายในประเทศ ดังนั้น นโยบายการคลังจึงมีความจำเป็นอย่างมาก ซึ่งทุกประเทศก็ใช้วิธีการกู้เงินเช่นกัน และที่ผ่านมาหนี้สาธารณะของไทยก็ไม่ได้สูงมากนัก
"จำเป็นที่ไทยจะกู้เงินเพิ่มหากมีความจำเป็นเป็นการชั่วคราวระยะหนึ่ง เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นก็สามารถเก็บภาษีมาใช้หนี้ได้"นางธาริษา กล่าว
ขณะนี้นโยบายการเงินและนโยบายการคลังสอดรับในทิศทางเดียวกัน โดยนโยบายการเงินดำเนินการมาล่วงหน้าตั้งแต่ปลายปี 51 แต่ ณ ขณะนั้นนโยบายการเงินยังไม่เห็นผลออกมาชัดเจน
ส่วนมาตรการของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากมาตรการแรกที่เน้นกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ขณะที่มาตรการส่วนที่ 2 จะใช้เกี่ยวกับการวางระบบสาธารณูปโภค ซึ่งจะช่วยสร้างประสิทธิภาพต่อระบบเศรษฐกิจในระยะยาว เป็นปัจจัยที่จำเป็นมากต่อเศรษฐกิจไทย แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือจะต้องมีความชัดเจนกว่าเงินที่ใช้จะต้องเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้
สำหรับการใช้มาตรการด้านอื่น ๆ ที่ต่างประเทศนำมาใช้ในขณะนี้นั้น นางธาริษา กล่าวว่า ยังไม่มีความจำเป็น โดยเฉพาะประเทศไทยไม่ได้มีปัญหาในด้านสถาบันการเงิน ไม่มีปัญหาทั้งสภาพคล่อง หรือ ฐานะ รวมทั้งไม่มีปัญหาความขาดแคลนสินเชื่อ(credit crunch)ดังนั้น การแก้ไขปัญหาของไทยไม่จำเป็นต้องเหมือนต่างประเทศ
"แบงก์ชาติหลายประเทศใช้ Quantitative easing เพราะระบบสถาบันการเงินเขาไม่ทำงานมีปัญหา credit crunch ทำให้แบงก์กลางต้องเข้ามาช่วยซื้อสินทรัพย์จากแบงก์หรือเอกชนโดยตรง แต่ไทยไม่ได้มีปัญหานั้น แต่ที่สินเชื่อชะลอตัวเพราะดีมานด์ลดลง"นางธาริษา กล่าว
ขณะที่การใช้อัตราดอกเบี้ย 0% นั้น นางธาริษา กล่าวว่า การแก้ปัญหาไทยและต่างประเทศแตกต่างกัน ในบางประเทศแม้ว่าจะใช้อัตราดอกเบี้ย 0% แต่เศรษฐกิจก็ต้องรับการกระตุ้นอีก ส่วนการลดดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ไทยก็มี time lack แต่ละธนาคารก็จะดูโครงสร้างต้นทุน ลูกค้าแต่ละราย เงินฝากก็จะมีระยะเวลาในการครบกำหนด เชื่อว่าในระยะต่อไปอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะลดลงอีก
ส่วนปัญหาม็อบเสื้อแดง นางธาริษา มองว่า ยามนี้ทุกคนต้องช่วยกัน เพราะถ้าการเมืองไม่นิ่ง ความเชื่อมั่นก็จะได้รับผลกระทบ และเศรษฐกิจจะเดินหน้าได้เพราะความเชื่อมั่นเป็นปัจจัยที่จำเป็นไม่ว่าจะเป็นความเชื่อมั่นทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ