World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 30 มีนาคม 2552

ข่าวต่างประเทศ Monday March 30, 2009 16:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

องค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานของ 30 ประเทศอุตสาหกรรมซึ่งเป็นสมาชิกของ OECD จะพุ่งขึ้นแตะระดับกว่า 10% ภายในปีพ.ศ.2553 และคาดว่าอัตราว่างงานในกลุ่ม G8 (ยกเว้นญี่ปุ่น) จะพุ่งขึ้นแตะระดับกว่า 10% ภายในปีพ.ศ.2553 เช่นกัน

OECD ระบุว่า อัตราว่างงานในเดือนม.ค.ปีนี้ยืนอยู่ที่ 6.9% แต่คาดว่าอัตราว่างงานจะพุ่งขึ้นแตะเลข 2 หลักภายในปีพ.ศ.2553 เนื่องจากวิกฤตการณ์การเงินส่งผลให้ภาคเอกชนเลย์ออฟพนักงานจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม OECD คาดว่าเศรษฐกิจใน 30 ชาติสมาชิกจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงกลางปีพ.ศ.2553 เนื่องจากรัฐบาลในหลายประเทศใช้มาตรการด้านการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

-- กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมประจำเดือนก.พ.ร่วงลง 9.4% เพราะได้รับผลกระทบจากดีมานด์สินค้าจากทั่วโลกหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยผลผลิตอุตสาหกรรมปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยเฉพาะผลผลิตเครื่องมือด้านการขนส่งและเครื่องจักรทั่วไป

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นคาดการณ์ว่าผลผลิตอุตสาหกรรมจะฟื้นตัวขึ้น 2.9% ในเดือนมี.ค. และจะเพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนเม.ย.หลังจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

-- เจนเนอรัล มอเตอร์ คอร์ป (GM) ประกาศในวันนี้ว่า ริค วาโกเนอร์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ได้ลาออกจากตำแหน่งตามคำขอของคณะทำงานประธานาธิบดีบารัค โอบามา โดยเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ต้องทำก่อนการปรับโครงสร้างภายในบริษัท

พร้อมกันนี้ จีเอ็มได้แต่งตั้ง ฟริทซ์ เฮนเดอร์สัน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดำเนินงานคนปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งซีอีโอคนใหม่ โดยจะมีผลในทันที

-- คณะทำงานเฉพาะกิจด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐมีมติคัดค้านแผนการปรับโครงสร้างของบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) และบริษัทไครสเลอร์ โดยให้เหตุผลว่าค่ายรถยนต์ทั้งสองไม่ได้นำเสนอแผนปรับโครงสร้างที่น่าเชื่อถือถึงขนาดทำให้กิจการดำรงอยู่ต่อไปได้ และคาดว่าค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอาจดำเนินกิจการต่อไปได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น

คณะทำงานระบุว่า ไครส์เลอร์ไม่สามารถดำเนินธุรกิจตามแผนการปัจจุบันได้ แม้รัฐบาลให้เวลา 30 วันในการควบรวมกิจการกับบริษัท เฟียต เอสพีเอของอิตาลี และเสนอว่าจะให้เงินช่วยเหลือ 6 พันล้านดอลลาร์หากบริษัทสามารถทำข้อตกลงกับเฟียตได้ก่อนเวลาที่กำหนด แต่หากไครสเลอร์ไม่สามารถควบรวมกิจการกับเฟียตได้ รัฐบาลก็จะตัดความช่วยเหลือทันที

-- นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียล คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสิงคโปร์อาจตัดสินใจลดค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ โดยจะปล่อยดอลลาร์สิงคโปร์ร่วงลง 4% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐภายในวันที่ 30 ก.ค.นี้ เพื่อพยุงภาคส่งออกและกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สิงคโปร์ได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อปีพ.ศ.2508

แพทริก เบนเนตต์ นักวิเคราะห์ด้านปริวรรตเงินตราจากธนาคารโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) ในฮ่องกงกล่าวว่า "ค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์แข็งเกินไปและอยู่ในระดับสูงกว่ามูลค่าตลาด ซึ่งสร้างความเสียหายต่อภาคส่งออก จึงอาจทำให้ธนาคารกลางตัดสินใจปล่อยให้สกุลเงินอ่อนค่าหลังจากยอดส่งออกทรุดตัวลง 10 เดือนติดต่อกัน เนื่องจากดีมานด์สินค้าอิเล็กทรอนิกและเวชภัณฑ์ทรุดตัวลง"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ