ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) คาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2552 จะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 7% แต่การดำเนินมาตรการที่เด็ดขาดของรัฐบาลในการสนับสนุนการขยายตัวผ่านทางการผ่อนปรนนโยบายการเงินและการคลังน่าจะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวขึ้นมาที่ระดับ 8% ได้ในปีหน้า
เอดีบีระบุในรายงานเศรษฐกิจประจำปีเรื่อง แนวโน้มการพัฒนาเอเชียประจำปี 2552 ว่า ผลพวงของวิกฤตการเงินโลกที่กระทบต่อเศรษฐกิจจีนนั้นเลวร้ายกว่าที่คาดคิดกันไว้ โดยเอดีบีได้เรียกร้องใหรัฐบาลจีนเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจด้วยการลดการพึ่งพาการส่งออกและการลงทุนเป็นหลัก แต่ให้หันมาส่งเสริมการบริโภคภาคเอกชนมากขึ้น เนื่องจากเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง
นายจอง วาห์ ลี รักษาการณ์หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอดีบีกล่าวว่า "จีนยังมีรากฐานการเงินที่ดีและมีเครื่องมือที่จำเป็นที่จะช่วยให้จีนบรรลุเป้าหมายได้"
ในระยะสั้น เอดีบีคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อในปี 2552 ของจีนโดยเฉลี่ย จะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1% ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีโอกาสที่จะใช้นโยบายการเงินที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเอดีบีมองว่า เศรษฐกิจของจีนน่าจะดีดตัวขึ้นได้ในปี 2553 เมื่อโครงการการลงทุนภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลของรัฐบาลเริ่มที่จะเห็นผลและเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว
สำหรับการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น คาดว่าจะชะลอตัว และตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังคงซบเซาต่อเนื่องจากปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี การขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มสดใสที่ระดับ 8-9% ในปีนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในระดับต่ำจะเอื้อประโยชน์ต่อการบริโภค
ในส่วนของบัญชีเกิดดุลของจีนนั้น คาดว่าจะลดลงเล็กน้อยจากที่อยู่ในระดับสูงกว่า 10% ของจีดีพีในช่วงสองปีที่ผ่านมา และกระแสเงินทุนก็ยังได้รับแรงกดดันจากวิกฤตการเงินโลกอยู่
ทั้งนี้ เอดีบีเตือนว่า เรื่องที่น่าเป็นห่วงที่สุดของจีนก็คือตัวเลขว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากภาคการผลิตที่อ่อนตัวลง โดยถึงแม้ว่าโครงการการลงทุนภายใต้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะช่วยสร้างงาน แต่ก็ไม่มากพอ ดังนั้น เอดีบีจึงได้แนะว่าเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลจะต้องส่งเสริมโครงการคุ้มครองทางสังคม โดยเฉพาะสำหรับแรงงานต่างถิ่นซึ่งตกงานและต้องตัดสินใจกลับบ้านในชนบท ซึ่งมีงานให้ทำไม่มาก สำนักข่าวซินหัวรายงาน