ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย(ADB) เปิดรายงานการวิเคราะห์เศรษฐกิจเอเชียประจำปี 52 โดยคาดว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะหดตัว 2% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจปี 41 และส่งผลให้มีการว่างงานเพิ่มขึ้นเกือบ 2 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม คาดว่าปี 53 อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะฟื้นขึ้นมาที่ 3% หากเศรษฐกิจโลกฟื้นและภาครัฐมีการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยเอดีบี จะมีการทบทวนการคาดการณ์เศรษฐกิจอีกครั้งในเดือน ก.ย.
นายฌอง ปิแอร์ เวอร์บิส ผู้อำนวยการสำนักงาน ผู้แทนประจำประเทศไทย เอดีบี เปิดเผยว่า เอดีบี คาดการณ์เศรษฐกิจไทย ปีนี้ จะน่าหดตัวที่ 2% ถือเป็นการหดตัวครั้งแรกของไทยนับตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจปี 41 ที่เศรษฐกิจติดลบ 10.5% แต่หากคาดการณ์กรณีเลวร้ายสุด เศรษฐกิจไทยอาจติดลบ 4-5% ได้ ถ้าสถานการณ์การเมืองในประเทศไม่นิ่ง เพราะรัฐบาลแทนที่จะใช้เวลาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ กลับต้องแก้ปัญหาการเมืองด้วย ขณะที่ต้องติดตามปัจจัยจากนอกประเทศด้วย
ส่วนการส่งออกของไทยปี 52 คาดว่าจะหดตัว 18% การนำเข้าหดตัว 28% ดุลการค้าเกินดุล 18,000 ล้านดอลลาร์ ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 8%ของจีดีพี อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย อยู่ที่ 0.5% แต่ยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะหดตัว 2% ในปีนี้ อาจจะทำให้เกิดปัญหาการว่างงานเพิ่มขึ้น 2 ล้านคน หรือ ถ้าจีดีพีติดลบทุก 1% จะมีคนว่างงานเพิ่มขึ้น 4 แสนคน
สำหรับการคาดการณ์เศรษฐกิจเอเซียน เอดีบีประเมินว่า ปีนี้เป็นครั้งแรกที่เศรษฐกิจเอเซียจะอยู่ในระดับต่ำมาก จากปกติเศรษฐกิจเอเซีย จะขยายตัวเฉลี่ย ปีละ 7-8% แต่ปี52 คาดว่าเศรษฐกิจเอเซีย ขยายตัว 3-4% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ต่ำมาก หลังจากเศรษฐกิจของประเทศอุตสาหกรรมทั่วโลกติดลบเป็นครั้งแรก โดยเศรษฐกิจสหรัฐ ติดลบ 2.4% ยุโรป ติดลบ 2.6% ญี่ปุ่น ติดลบ 3.5% ขณะที่เงินเฟ้อทั่วโลกลดลงต่ำมาก จนอาจเกิดภาวะเงินฝืดได้
นายฌอง ปิแอร์ เวอร์บิส กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า ขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยที่ 117,000 ล้านบาท ยังเป็นขนาดเล็ก หากเทียบกับต่างประเทศ แต่เชื่อว่ารัฐบาลอาจจะมีมาตรการอื่นเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการดูแลเศรษฐกิจ ส่วนจะได้ผลหรือไม่ ไม่สามารถคาดการณ์ได้เพราะขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลก แต่เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลไทย เล็งเห็นผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก และได้เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และแพ็คเกจมาตรการของรัฐบาลก็มีผลมาก โดยเฉพาะต่อการบริโภค ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยจำเป็นต้องมีการลงทุนด้านเมกะโปรเจ็คส์ด้วย
"เช็คช่วยชาติ 2,000 บาท ก็ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เป็นการกระตุ้นการบริโภคระยะสั้น แต่ควรมีการลงทุนเพื่อหนุนเศรษฐกิจในวงกว้างและมีผลในระยะยาว...ประเมินผลงาน 3 เดือนที่ผ่านมา เห็นว่ารัฐบาลไทยมองผลกระทบเศรษฐกิจโลก จึงเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ง่าย เพราะเนื้อในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ บางเรื่องเป็นเรื่องต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดก่อน ดังนั้น คงบอกว่านโยบายไม่ต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดก่อนคงไม่ได้" นายฌอง ปิแอร์ กล่าว
ทั้งนี้ เอดีบี พร้อมสนับสนุนเงินกู้แก่รัฐบาลไทย เพื่อใช้ลงทุนในโครงเการเมะโปรเจ็คส์ ซึ่งก่อนหน้านี้ เอดีบี ธนาคารโลก และ ไจก้า ได้สนับสนุนเงินกู้ให้รัฐบาลไทยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนไปแล้ว โดยเอดีบีสนับสนุนเงินกู้ 500 ล้านดอลลาร์ เป็นเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้โดยตรง