รัฐบาลจีนพยายามกระตุ้นการส่งออกและอัตราว่างงานด้วยการใช้นโยบายลดหย่อนภาษีให้กับภาคเอกชนและให้ความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าการดำเนินการดังกล่าวอาจสร้างความไม่พอใจให้กับประเทศคู่ค้าของจีน รวมถึงสหรัฐอเมริกา
แคลร์ อินเนส นักวิเคราะห์จาก IHS Global Insight กล่าวว่า จีนพยายามทุกวิถีทางที่จะเพิ่มยอดส่งออกหรือกระตุ้นภาคเอกชนให้ใช้สินค้าจีนแทนการนำเข้าสินค้าจากกลุ่มประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ รวมถึงสินค้าจำพวกสิ่งทอ เหล็กกล้า และปิโตรเคมี ซึ่งการทำเช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อประเทศคู่แข่งอย่างสหรัฐ ยุโรป และประเทศในเอเชีย
"การดำเนินการของจีนไม่ต่างอะไรจากการใช้นโยบายกีดกันการค้าที่ทุกฝ่ายกำลังต่อต้าน รวมถึงธนาคารโลก จีนกำลังพยายามปั่นกระแสรักชาติทางอ้อมที่สร้างความเสียหายต่อระบบการแข่งขันด้านการส่งออก และอาจก่อให้เกิดความตึงเครียดระหว่างประเทศโดยที่ไม่ได้ทำให้ยอดส่งออกของจีนกระเตื้องขึ้นมากนัก" อินเนสกล่าว
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่จีนต้องการมีบทบาทสำคัญในการประชุมสุดยอด G20 ที่กรุงลอนดอนในวันที่ 2 เม.ย.นี้ เนื่องจากจีนพยายามเรียกร้องให้นานาชาติใช้เงินสกุล SDR เป็นค่ามาตรฐานในระบบสำรองเงินตราแทนที่สกุลเงินดอลลาร์ของสหรัฐ พร้อมเสนอให้ยกเครื่องระบบการเงินโลกที่ไร้การครอบงำจากสหรัฐ
นับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว จีนได้ปรับลดภาษีส่งออก ซึ่งเปิดช่องให้ผู้ส่งออกของจีนสามารถลดราคาสินค้าในต่างประเทศทศ รวมถึงสินค้าจำพวกรองเท้า สิ่งทอ และของเล่น ลงประมาณ 15% และสร้างความไม่พอใจให้กับประเทศคู่แข่งรายสำคัญๆอย่างสหรัฐและยุโรป
โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนยอมรับว่า การดำเนินการดังกล่าวได้สร้างความวิตกกังวลให้กับหลายฝ่าย แต่ระบุว่าทุกอย่างดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฏขององค์การการค้าโลก (WTO) และยืนยันว่าจีนจำเป็นต้องกระตุ้นการส่งออกควบคู่ไปกับการลดอัตราว่างงาน สำนักข่าวเอพีรายงาน