จอห์น มาร์ค ซีอีโอมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าวในที่ประชุมซึ่งประกอบไปด้วยพนักงานของมอร์แกน สแตนลีย์ และสมิธ บาร์นีย์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของซิตี้กรุ๊ป ว่า ปีพ.ศ.2552 จะเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับธนาคาร และคาดว่าธนาคารอาจทำกำไรได้ไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้
"ปีนี้เราอาจทำกำไรได้ไม่ถึงเป้า แม้ธุรกิจของเราค่อนข้างไปได้ดีก็ตาม ปีนี้จะเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับธนาคารอย่างพวกเรา ในส่วนของมอร์แกน สแตนลีย์นั้น อาจยังไม่สามารถคืนเงินกู้มูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์จากโครงการ TARP ของรัฐบาลสหรัฐได้ทันในเดือนต.ค.นี้ได้ อย่างไรก็ตาม เราจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะคืนเงินกู้ให้ได้ แม้ต้องเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบากเพียงใดก็ตาม" มาร์ควัย 64 กล่าว
มาร์คกล่าวว่า "ชาวอเมริกันกำลังหวั่นวิตกกับภาวะสูญเสียงานและที่อยู่อาศัย และแสดงความโกรธแค้นบริษัทในย่านวอลล์สตรีทที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล บางคนโกรธถึงขนาดฟันธงว่าพวกเราเป็นต้นเหตุของความผิดพลาดทั้งหมด"
การแสดงความคิดเห็นของซีอีโอมอร์แกน สแตนลีย์ มีขึ้นหลังจากนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวให้สัมภาษณ์ทางรายการ “This Week" ของสถานีโทรทัศน์ ABC News ว่า มีสถาบันการเงินและธนาคารอีกหลายแห่งที่ต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาล พร้อมระบุถึงความพยายามที่จะเก็บภาษีนักลงทุนหรือบริษัทที่ได้เข้าร่วมโครงการของรัฐบาลในการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ด้อยคุณภาพจากธนาคารต่างๆ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน