ฟอร์ด มอเตอร์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถเพียงรายเดียวที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลอาจจะสูญเสียความได้เปรียบในการแข่งขันได้ หากประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ ประสบความสำเร็จในการเจรจาต่อรองเรื่องแผนการปรับโครงสร้างกับบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ในการลดต้นทุนด้านแรงงาน หนี้สิน และดีลเลอร์
จอห์น โวลโคโนวิคซ์ นักวิเคราะห์ด้านยานยนต์จากไอเอชเอส โกลบอล อินไซท์ กล่าวว่า โอบามาได้ให้เวลาจีเอ็ม 60 วันในการจัดส่งยุทธศาสตร์ใหม่ในการลดต้นทุนต่างๆที่ได้ทำข้อตกลงไว้กับสหภาพพนักงาน ลดหนี้สินกับกลุ่มผู้ถือพันธบัตร รวมถึงการลดจำนวนดีลเลอร์และแบรนด์รถในสังกัด ซึ่งหากจีเอ็มสามารถดำเนินการดังกล่าวได้ทั้งหมด บริษัทก็จะสามารถต้นทุนได้มากกว่าฟอร์ดมาก ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐต้องการให้จีเอ็มอยู่รอดด้วยการลดกระบวนการที่ไม่จำเป็นเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำธุรกิจ ซึ่งก็อาจทำให้ฟอร์ดะต้องปรับโครงสร้างเพิ่มเติมเพื่อให้บริษัทสามารถแข่งขันได้อย่างทัดเทียม
บลูมเบิร์กรายงานว่า นักวิเคราะห์และนักลงทุนมองว่า ฟอร์ดมีสถานภาพที่ดีที่สุดในกลุ่มค่ายรถบิ๊กทรีซึ่งรวมถึงจีเอ็มและไครสเลอร์ โดยฟอร์ดเป็นบริษัทเดียวที่สามารถตกลงกับสหภาพแรงงานได้ ซึ่งฟอร์ดกล่าวว่า บริษัทจะมีต้นทุนด้านแรงงานที่สามารถแข่งขันกันได้กับโตโยต้า มอเตอร์ ภายในปี 2554 นี้ และการลดหนี้สินมูลค่า 2.58 หมื่นล้านดอลลาร์ของบริษัทก็มีความคืบหน้าขึ้นเรื่อยๆและลดหนี้สินลงไปได้แล้วถึง 44%