องค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกจะหดตัวลงหนักสุดในรอบ 50 ปี พร้อมแนะให้ธนาคารกลางของประเทศสมาชิกใช้มาตรการทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยเศรษฐกิจของ 30 ประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกอาจหดตัวลง 4.3% ในปีนี้ และ 0.1% ในปีหน้า ในขณะที่โรเบิร์ต โซลลิค ประธานธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มหดตัวลง 1.7%
"วิกฤตสินเชื่อที่รุนแรง ราคาบ้านที่ลดลง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง อุปสงค์สินค้าที่หดตัวลงทั่วโลก ทั้งหมดเป็นปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขคาดการณ์ออกมาย่ำแย่เช่นนี้" เคลาส์ ชมิดท์-เฮบเบล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ OECD ระบุในรายงาน "มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นให้อุปสงค์กระเตื้องขึ้นได้"
ทั้งนี้ OECD มีมุมมองต่อเศรษฐกิจโลกในเชิงลบกว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของประเทศกลุ่ม OECD จะหดตัวลง 3-3.5% ในปีนี้
วิกฤตการเงินโลกกดดันให้ภาคเอกชนหลายแห่งต้องลดกำลังการผลิตและปลดพนักงานจำนวนมาก ส่งผลให้อัตราว่างงานพุ่งเหนือระดับ 10% ในสหรัฐและยุโรป สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน