เลขาธิการสำนักงานสถิติแห่งชาติ(สสช.)เผยผลสำรวจภาพรวมธุรกิจทั่วประเทศในปี 51 พบยอดขายส่งสัญญาณชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี แม้ในช่วงไตรมาสแรกของปีจะมีรายรับเพิ่มขึ้น 6.2% จากไตรมาสสุดท้ายของปี 50
"แม้ในไตรมาสแรกมีรายรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ของปี 50 ถึง 6.2% แต่กลับมีการชะลอตัวต่อเนื่องในไตรมาสสอง 4.5% ไตรมาสสาม 3.8% และไตรมาสสี่ 2.8%"นางธนนุช ตรีทิพยบุตร เลขาธิการ สสช.กล่าวถึงผลสำรวจยอดขายสถานประกอบการค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค, โรงแรมและภัตตาคาร,ธุรกิจให้เช่าของใช้ส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือน, กิจกรรมนันทนาการ, สำนักข่าว และการกีฬา และการให้บริการทั่วประเทศจำนวน 4,441 แห่งในปี 51
พบว่า ธุรกิจแต่ละประเภทมีรายรับเพิ่มขึ้นระหว่างไตรมาสไม่เกิน 13% โดยภัตตาคารและร้านอาหารมีรายรับเพิ่มขึ้นสูงสุดในไตรมาสแรกที่ 13% ขณะที่โรงแรม รีสอร์ท เกสต์เฮาส์ และหอพัก มีรายรับเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 ต่ำที่สุดเพียง 0.7% เท่านั้น ส่วนการให้เช่าของใช้ส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือนมีรายรับที่ขยายตัวต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสแรกที่ 6.1% ไตรมาสสองที่ 8.1% และไตรมาสสาม 10.2% แต่ชะลอตัวในไตรมาสสุดท้ายที่ 4.7% เท่านั้น
ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกมียอดขายชะลอตัวต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องในไตรมาสแรกของปี 52 เพราะมีต้นทุนและราคาสูง และมีปัญหาการเมืองรวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
เลขาธิการ สสช.กล่าวว่า ผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลเร่งรัดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการลดภาษีมูลค่าเพิ่มหรือลดอัตราดอกเบี้ย การกำหนดมาตรฐานควบคุมราคาสินค้าให้เข้มงวด ที่สำคัญต้องเร่งฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมถึงหามาตรการช่วยเหลือด้านเงินทุนและส่งเสริมด้านการตลาดแก่เอสเอ็มอีเพื่อเพิ่มศักยภาพ