ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและฟรังค์สวิส ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะลดดอกเบี้ยและประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมสุดยอดรัฐมนตรีกลุ่ม G20 ในวันพฤหัสบดีที่ 2 เม.ย.เพื่อดูว่ากลุ่ม G20 จะหาทางยับยั้งวิกฤติเศรษฐกิจโลกถดถอยอย่างไรบ้าง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.67% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1464 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.1388 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลง 0.19% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 98.650 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 98.840 เยน/ดอลลาร์
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.14% สู่ระดับ 1.3232 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.3250 ดอลลาร์/ยูโร และเงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 0.82% แตะระดับ 1.4442 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4325 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดขึ้น 0.85% แตระดับ 0.6979 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันอังคารที่ 0.6920 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.07% แตะระดับ 0.5674 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5614 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์จาก Bank of New York Mellon กล่าวว่า ค่าเงินยูโรยังคงได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าอีซีบีจะลดดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมวันพฤหัสบดีที่ 2 เม.ย.นี้ และจะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อเดือนมีนาคมในเขตยูโรโซน หรือ กลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.6% จากระดับ 1.2% ในเดือนก.พ. ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเรื่องภาวะเงินฝืด
นักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวของจีนในการประชุม G20 วันพฤหัสบดีที่ 2 เม.ย.นี้ หลังจากนายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนเรียกร้องให้มีการใช้เงินสกุล SDR เป็นค่ามาตรฐานในระบบสำรองเงินตราแทนที่สกุลเงินดอลลาร์ของสหรัฐ พร้อมเสนอให้ยกเครื่องระบบการเงินโลกที่ไร้การครอบงำจากสหรัฐ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์บางคนมองว่า จีนต้องการมีบทบาทสำคัญในการประชุม G20 และมีเจตนาที่จะทำให้สกุลเงินดอลลาร์ตกเป็นเป้าการอภิปรายในที่ประชุม G20 เพื่อให้ที่ประชุมเบนความสนใจออกจากสกุลเงินหยวนที่ถูกระบุว่าอ่อนค่าเกินจริง
ADP National Employment Report รายงานว่า ภาคเอกชนของสหรัฐลดการจ้างงานลง 742,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานเดือนก.พ.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันศุกร์ที่ 3 เม.ย.นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 8.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี และคาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนมี.ค.จะร่วงลง 660,000 คน ซึ่งจะทำให้จำนวนคนตกงานโดยรวมพุ่งขึ้นเป็น 5 ล้านคน