จำนวนชาวสหรัฐผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีแนวโน้มพุ่งทะลุ 600,000 คน ซึ่งทำสถิติเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 9 เนื่องจากบริษัทต่างพากันปลดพนักงาน เพื่อสกัดกั้นการลดลงของผลกำไร
นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ยอดผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 650,000 คนในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 28 มี.ค. เมื่อเทียบกับระดับ 652,000 คนในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ขณะที่รายงานอีกฉบับอาจระบุถึงยอดสั่งซื้อภาคโรงงานในเดือนก.พ.ที่ไต่ระดับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนที่ระดับ 1.5%
จากภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันอาจส่งผลกระทบต่อตำแหน่งงานอย่างต่อเนื่อง เพราะบริษัทหลายแห่งพยายามที่จะปรับลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้วยการปลดพนักงานและลดกำลังการผลิตท่ามกลางวิกฤตยอดขายตกต่ำ โดยการจ้างงานที่ลดน้อยลงประกอบกับรายได้ที่ชะลอตัวเป็นอุปสรรคกีดขวางการดีดตัวของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค ซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็น 70% ของระบบเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในเวลา 08:30 น.ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าภาคโรงงานในเวลา 10:00 น.
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์คาดว่ากระทรวงแรงงานจะเปิดเผยอัตราว่างงานประจำเดือนมี.ค.ที่ไต่ระดับขึ้นแตะที่ 8.5% ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2526 โดยตัวเลขจ้างงานอาจลดลง 660,000 ตำแหน่งซึ่งจะส่งผลให้ยอดคนตกงานโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านคนนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำ