จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาพุ่งสูงเกินคาด และยังทำสถิติเพิ่มขึ้นสูงสุดต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 10 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงอ่อนแอและยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นตัวได้ในเร็ววัน แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆจะเริ่มส่งสัญญาณให้เห็นถึงการฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้วก็ตาม
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ชาวอเมริกันที่เข้ารับสวัสดิการในระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 28 มี.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 669,000 ราย จากระดับ 657,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้และเป็นระดับที่สูงสุดในรอบกว่า 26 ปี
นักวิเคราะห์กล่าวว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานที่เพิ่มขึ้นเป็นตัวบ่งชี้ว่า บริษัทต่างๆยังคงปรับลดพนักงาน
เอียน เชฟเฮอร์สัน นักวิเคราะห์จาก High Frequency Economics กล่าวว่า โดยปกติแล้วจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานมันใช้เป็นข้อมูลบ่งชี้ทิศทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแต่ขณะนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะเป็นเช่นนั้น
โดยนายจ้างต่างปลดพนักงานและหามาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายต้นทุนเพื่อรับมือกับการใช้จ่ายผู้บริโภคและภาคเอกชนที่ดิ่งลงอย่างหนัก โดยขณะนี้วิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำดำเนินมาต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 แล้วซึ่งทำสถิติยาวนานที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
ทั้งนี้ การเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในครั้งนี้มีขึ้นก่อนหน้าที่กระทรวงแรงงานจะรายงานตัวเลขจ้างงานประจำเดือนมี.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่านายจ้างจะปรับลดคนงานลง 654,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 8.5% จาก 8.1%
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจในด้านบวกนั้น กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยถึงยอดสั่งซื้อสินค้าภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนก.พ. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้และยังดีดตัวขึ้นสวนทางกับที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องถึง 6 เดือน ขณะที่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สหรัฐเปิดเผยยอดการใช้จ่ายในการก่อสร้างและยอดทำสัญญาซื้อบ้านรอปิดการขายที่ดีเกินคาดด้วยเช่นกัน