เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มขยายตัวถึง 10% ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จากอานิสงส์ของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน (5.85 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ซุน หมิงชุน นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทหลักทรัพย์โนมูระ ในฮ่องกงกล่าวว่า "บรรยากาศการลงทุนที่คึกคักเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ขณะเดียวกันเศรษฐกิจช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านที่ขยายตัวในระดับต่ำที่ 6.8% อาจช่วยให้เศรษฐกิจจีนดีดตัวขึ้นราว 10% ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้"
ขณะเดียวกันฮา จีหมิง นักวิเคราะห์จากไชน่า อินเตอร์เนชั่นเนล แคปิตอล คอร์ป ในฮ่องกงได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปีนี้สู่ระดับ 8% จากเดิมที่ 7.3% โดยอ้างถึงการขยายตัวของเงินกู้ และการฟื้นตัวในภาคการผลิตไฟฟ้า การลงทุนในโครงการใหม่ๆ รวมถึงยอดขายรถยนต์ที่ฟื้นตัวขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของจีนในเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า ภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจีนกำลังขยายตัว ขณะที่มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของจีนจะใช้ในการสร้างทางรถไฟ สนามบิน โรงงานไฟฟ้า และถนนหนทาง
ทั้งนี้ รัฐบาลได้กดดันให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มการออกเงินกู้มากขึ้น โดยนสพ.ไชน่า ซีเคียวริตีส์ เจอร์นัลรายงานว่า ยอดเงินกู้ล็อตใหม่พุ่งแตะ 1.3 ล้านล้านหยวน (1.90 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนมี.ค. ส่งผลให้เงินกู้ใหม่ในไตรมาสแรกพุ่งขึ้นแตะ 4 ล้านล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้น 3 ตัวจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ด้านยอดเงินลงทุนในสินทรัพย์คงที่ในเขตเมืองช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ถีบตัวสูงขึ้น 26.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ยอดขายยานยนต์ไต่ระดับขึ้น 25% ในเดือนก.พ. ซึ่งนักวิเคระห์คาดว่าเศรษฐกิจจีนอาจขยายตัวได้ 7.5% ในระหว่างเดือนเม.ย.-มิ.ย. และจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกในเดือนต่อๆไป