สกุลเงินเอเชียแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 ซึ่งสถิติแข็งค่ายาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2550 หลังผู้นำกลุ่มประเทศ G20 มีมติอัดฉีดงบประมาณรวม 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อใช้ในการกอบกู้เศรษฐกิจโลก
โดยสกุลเงินดอลลาร์ไต้หวัน ริงกิตมาเลเซีย และวอนของเกาหลีใต้พุ่งขึ้นสูงสุดในสัปดาห์นี้ หลังทางการจีน สหรัฐ อังกฤษเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้น อาทิ ราคาบ้านในอังกฤษเดือนมี.ค.ที่ปรับตัวสูงขึ้นเกินคาดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.2550 ขณะที่การผลิตของจีนขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้ช่วยจุดประกายความหวังว่า อุปสงค์กลุ่มผู้ส่งออกในเอเชียเริ่มฟื้นตัวขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 10:20 น.ตามเวลาไทเป เงินดอลลาร์ไต้หวันแข็งค่าขึ้น 1.3% ในสัปดาห์นี้ แตะที่ 33.36 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ไต้หวัน ขณะที่เงินริงกิตเดินหน้า 0.9% สู่ระดับ 3.5825 ดอลลาร์/ริงกิต ส่วนเงินวอนพุ่ง 0.7% อยู่ที่ 1,338.75 ดอลลาร์/วอน
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สิงคโปร์ไต่ระดับขึ้น 0.7% ในสัปดาห์นี้แตะที่ 1.5039 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์สิงคโปร์ ด้านเงินรูเปียห์ของอินโดนีเซียขยับขึ้น 0.3% แตะระดับ 11,460 ดอลลาร์/รูเปียห์ ส่วนเงินเปโซของฟิลิปปินส์กระเตื้องขึ้น 0.3% แตะ 48.035 ดอลลาร์/เปโซ
"แผนการอัดฉีดเงินจำนวนมหาศาลในที่ประชุม G20 ช่วยกระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นและตลาดปริวรรตเงินตรา" นักวิเคราะห์จาก CIMB Investment Bank Bhd. ในกัวลาลัมเปอร์กล่าว
ทั้งนี้ ผู้นำกลุ่ม G20 เห็นพ้องที่จะอัดฉีดเงินทุนให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพิ่มอีก 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ในการกระตุ้นการค้าโลก รวมทั้งเตรียมทุ่มเงินถึง 2.5 แสนล้านดอลลาร์ใช้เป็นสินเชื่อเพื่อการส่งออกและการลงทุน