ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบเงินยูโรและเงินปอนด์ แต่แข็งค่าเมื่อเทียบเงินเยนในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 เม.ย.) หลังสหรัฐเผยตัวเลขว่างงานที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 25 ปี
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรแข็งค่าสู่ระดับ 1.3484 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3461 ดอลลาร์/ยูโรเมื่อวันที่ 2 เม.ย. และเงินปอนด์แข็งค่าแตะ 1.4833 ดอลลาร์/ปอนด์ จาก 1.4729 ดอลลาร์/ปอนด์
เงินดอลลาร์แข็งค่าแตะ 100.26 เยน/ดอลลาร์ จาก 99.550 เยน/ดอลลาร์ แต่อ่อนค่าสู่ระดับ 1.1309 ฟรังก์สวิส/ดอลลาร์ จาก 1.1335 ฟรังก์สวิส/ดอลลาร์
นอกจากนั้นเงินดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าแตะ 0.7155 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จาก 0.7146 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และอ่อนค่าลงแตะ 0.5858 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จาก 0.5777 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
กระทรวงแรงงานสหรัฐเผยว่าอัตราว่างงานเดือนมี.ค.พุ่งแตะ 8.5% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2526 โดยมีผู้ถูกปลดจากงานสูงถึง 663,000 ราย และนับตั้งแต่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยเมื่อเดือนธ.ค.2550 ก็มีผู้ตกงานถึง 5.1 ล้านคน ซึ่งเกือบสองในสามของทั้งหมดเพิ่งตกงานในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา
ในขณะเดียวกัน เบน เบอร์นันเก้ ผู้ว่าการธนาคารกลางนิวยอร์ก (เฟด) กล่าวว่า เฟดรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งกับการให้ความเชื่อเหลือสถาบันการเงินขนาดใหญ่เมื่อปีที่แล้ว แต่แสดงความพอใจที่มาตรการบรรเทาวิกฤตเศรษฐกิจได้ผลดี
ด้านธนาคารกลางยุโรปเพิ่งประกาศลดดอกเบี้ยไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาในอัตราปกติ และยืนยันว่าพร้อมลดดอกเบี้ยอีกหากจำเป็น โดยธนาคารกลางยุโรปยังมีที่ว่างสามารถลดดอกเบี้ยได้อีก ต่างกับเฟดและธนาคารกลางอังกฤษที่ลดดอกเบี้ยจนเกือบแตะ 0% แล้ว
การลดดอกเบี้ยอาจทำให้สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนจะนำเงินไปลงทุนในที่ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า ถึงกระนั้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปก็ยังอยู่ในกลุ่มสูงสุดในประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอยู่ดี