นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงการคลังและธนาคารกลางอาเซียน(ASEAN Finance and Central Bank Deputies’ Meeting:AFDM)เมื่อ 6 เม.ย.52 สรุปได้ว่าที่ประชุมได้พิจารณาจัดตั้งหน่วยงาน Macroeconomic and Finance Surveillance Office(MFSO) ภายใต้สำนักเลขาธิการอาเซียน เพราะถือว่ามีความจำเป็นต่อการพัฒนากลไกการสร้างระบบระวังภัยของภูมิภาคให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจของภูมิภาคโดยรวม และที่ประชุมเห็นควรที่จะสนับสนุนทางการเงินแก่สำนักเลขาธิการอาเซียนในการจัดตั้งหน่วยงานดังกล่าว
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังได้รายงานผลการประเมินภาวะเศรษกิจของภูมิภาคอาเซียนสำหรับปี 2009 พร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ก่อนที่จะนำเสนอรายงานดังกล่าวต่อที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนที่จะมีขึ้นในวัน 9 เม.ย.52
และ ยังเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาตลาดทุนสู่การรวมตลาด ซึ่งเป็นผลการศึกษาของ ASEAN Capital Market Forum (ACMF) ที่มีเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในฐานะประธาน ACMF เป็นผู้นำเสนอผลการศึกษา ซึ่งแผนปฏิบัติการดังกล่าวจะเป็นการวางแนวทางในการเชื่อมโยงและการพัฒนาตลาดทุนของภูมิภาคอาเซียนต่อไป
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า แผนความร่วมมือทางการเงินในภูมิภาคอาเซียนที่จะมุ่งไปสู่การรวมตัวทางเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2015 นั้น ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ผลักดันการดำเนินงานใน 3 ด้าน คือ การพัฒนาตลาดทุนโดยมีการพัฒนาความเชื่อมโยงระหว่างตลาดหลักทรัพย์ในอาเซียน และยกเลิกหรือผ่อนคลายข้อจำกัดในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ การเปิดเสรีการบริการด้านการเงินอย่างเหมาะสมในสาขาที่มีความพร้อม และ การเปิดเสรีบัญชีทุน โดยสนับสนุนให้เงินทุนไหลเข้า-ออก เสรีเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี ที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการประสานงานของคณะทำงานที่ดำเนินการใน 3 ด้านอย่างใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นและกำหนดให้มีการประชุมในระดับคณะทำงานเจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงการคลังและธนาคารกลางอาเซียน เพิ่มขึ้นเป็นปีละ 2 ครั้ง จากเดิมกำหนดการประชุมเพียงปีละ 1 ครั้ง
ที่ประชุมได้วางกรอบท่าทีสำหรับการเจรจาภายใต้กรอบอาเซียน +3 เพื่อวางแนวทางในการเจรจา และดำเนินการภายใต้มาตรการ ABMI (Asian Bond Markets Initiative) และการลงเงินในกองทุน CMIM (Chiang Mai Initiative Multilaterisation)
ส่วนการจัดงาน ASEAN Investment Day (AID) ในระหว่างวันที่ 2-5 พ.ค.52 ณ เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ควบคู่ไปกับการจัดประชุมประจำปีธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 42 จะเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศสมาชิกอาเซียนจะใช้เป็นเวทีประชาสัมพันธ์ถึงนโยบายเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง และการลงทุน ตลอดจนเป็นการเผยแพร่ศักยภาพของแต่ละประเทศในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งประเทศไทยจะเข้าร่วมการจัดงานดังกล่าวด้วย