สหภาพแรงงานและสมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรคแรงงานซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของอังกฤษร่วมกันกดดันนายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ ให้เพิ่มการใช้จ่ายในงบประมาณรายปี ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่สวนทางกับธนาคารกลางอังกฤษที่ได้ออกมาเตือนให้รัฐบาลระมัดระวังการใช้จ่าย
สภาสหภาพการค้า (TUC) ซึ่งเป็นตัวแทนของแรงงาน 6.5 ล้านคน มองว่างบประมาณของรัฐบาลยังไม่มากพอที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมเรียกร้องให้นายบราวน์สำรองเงิน 2.5 หมื่นล้านปอนด์ (3.7 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อเอาไว้ใช้กระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัย สนับสนุนโครงการพลังงานสะอาด และบูรณะซ่อมแซมโครงข่ายทางรถไฟ โดยเบรนดัน บาร์เบอร์ เลขาธิการ TUC กล่าวในแถลงการณ์ว่า ยังมีช่องว่างให้รัฐบาลประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองได้ ซึ่งน่าจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วขึ้น
ขณะที่ส.ส. 5 คนจากพรรคแรงงาน นำโดยอดีตรัฐมนตรี ปีเตอร์ เฮน ได้ขอให้รัฐบาลดำเนินมาตรการเพิ่มเติมในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยชี้ว่ารัฐบาลจำเป็นต้องเพิ่มการลงทุนภาคสาธารณะเพื่อสร้างงาน และห้ามขึ้นภาษีสำหรับผู้ที่มีรายได้ต่ำ แต่ควรลดภาษีถ้าทำได้
ข้อเรียกร้องดังกล่าวขัดแย้งกับคำแนะนำของนายเมอร์วิน คิง ผู้ว่าธนาคารกลางอังกฤษ และสถาบันเพื่อการศึกษางบประมาณ ซึ่งได้ออกโรงเตือนเรื่องการใช้จ่ายมูลค่ามหาศาลในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากจะทำให้รัฐบาลมีหนี้สูงขึ้น พร้อมกับได้แนะให้นายกรัฐมนตรีขึ้นภาษีหรือควบคุมการใช้จ่ายขณะที่อังกฤษกำลังจะจัดการเลือกตั้งในช่วงกลางปีหน้า
ผู้ว่าการแบงก์ชาติอังกฤษ กล่าวว่า ระดับหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบันสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลจำเป็นต้องระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายในอนาคต "เมื่อพิจารณาจากยอดขาดดุลในเวลานี้ ผมคิดว่าเราควรระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้มาตรการต่างๆจะขยายยอดขาดดุลให้กว้างขึ้น เราต้องยอมรับว่า ในอีกสองถึงสามปีข้างหน้านี้ เราจะขาดดุลงบประมาณมหาศาล" นายคิงกล่าวต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อช่วงปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายอลิสแตร์ ดาร์ลิง รมว.คลังของอังกฤษ จะกล่าวแถลงงบประมาณต่อรัฐสภาในวันที่ 22 เมษายนนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน