ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงอย่างหนัก ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเรื่องผลประกอบการของภาคเอกชน โดยเฉพาะผลประกอบการของธนาคารยักษ์ใหญ่อย่างซิตี้กรุ๊ปและเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.01% แตะระดับ 1.3271 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3406 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินปอนด์ขยับลง 0.09% แตะระดับ 1.4739 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4752 ดอลลาร์/ปอนด์
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้น 0.53% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1421 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.1361 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลง 0.51% เมื่อเทียบกับเยนที่ 100.47 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 100.98 เยน/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนลง 0.01% แตะที่ 0.7122 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.7123 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 2% แตะระดับ 0.5747 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.5864 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง ซึ่งเป็นผลมาจากความวิตกกังวลที่ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทเอกชนหดตัวลงด้วย โดยกระแสความวิตกกังวลรุนแรงขึ้นเมื่อบริษัท อัลโค อิงค์ เปิดเผยตัวเลขขาดทุนติดต่อกัน 2 ไตรมาส
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์มากเป็นพิเศษ โดยซิตี้กรุ๊ป, โกลด์แมน แซคส์ และเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ หลังจากไมค์ มาโย นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์คาลิยงคาดว่า ธนาคารในสหรัฐจะถูกกระทบอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยคาดว่าหนี้เสียในภาคธนาคารอาจเพิ่มขึ้นจาก 2% เป็น 3.5% ภายในช่วงสิ้นปีพ.ศ.2553 ซึ่งเป็นผลจากปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกับสัญญาจำนอง และส่งผลกระทบไปยังภาคส่วนอื่นๆในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ
ABC News เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐโดยระบุว่าดัชนี Consumer Comfort Index ร่วงลงแตะระดับ -50 จุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ -49 จุด ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะทรงตัวอยู่ที่ -49 จุด
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลงหลังจากธนาคารกลางออสเตรเลียมีมติลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 49 ปี โดยนายริค แบทเทลลิโน รองผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย กล่าวว่า เศรษฐกิจออสเตรเลียจะหดตัวลงเป็นครั้งแรกในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกถดถอยมากขึ้นทำให้ความต้องการสินค้าส่งออกเช่น ทรัพยากรธรรมชาติหดตัวลง
ขณะที่ค่าเงินยูโรและเงินปอนด์ดิ่งลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยในยุโรป หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของยุโรปรายงานว่า เศรษฐกิจในเขตยูโรโซนหดตัวลง 1.6% ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2551 ซึ่งรุนแรงกว่าที่ประเมินไว้ว่าจะหดตัวที่ 1.5%
นอกจากนี้ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษทรุดตัวลงติดต่อกันยาวนานถึง 12 เดือน โดยผลผลิตอ่อนตัว 0.9%ในเดือนก.พ. จากเดือนม.ค. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรมการผลิตของอังกฤษย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่วิกฤตเศรษฐกิจโลกฉุดดีมานด์สินค้าประเภทต่างๆ ตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงเซรามิค หดตัวลงด้วย