อุตสาหกรรมต่อเรือของจีนอาจจะต้องหันไปขอรับความช่วยเหลือจากลูกค้าของตนเองแทน หลังจากที่รัฐบาลจีนอาจจะบีบให้กลุ่มธุรกิจชิปปิ้งที่รัฐบาลเป็นเจ้าของเข้าซื้อเรือมากขึ้น เหตุจากผู้ให้บริการต่างชาติได้ยกเลิกคำสั่งซื้อลงตามสถานการณ์การค้าทั่วโลกที่ซบเซา
สตีฟ แมน นักวิเคราะห์ของเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า รัฐบาลผลักดันให้มีการดำเนินการดังกล่าวแต่สำหรับผมแล้ว นั่นดูเหมือนจะเป็นคำสั่งเสียมากกว่า และยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่อเรือทุกราย อีกทั้งยังทำให้เกิดสภาพความสามารถในการผลิตที่สูงเกินไปต่อไปอีก
คลาร์คสัน ซึ่งเป็นโบรกเกอร์เรือรายใหญ่ที่สุดในโลกระบุว่า อัตราการขนส่งสินค้าทางเรือที่ตกลงทำให้คำสั่งต่อเรือใหม่ในเดือนมี.ค.ทั่วโลกร่วงลงไปถึง 95% นักวิเคราะห์รายอื่นมองว่า เพื่อเป็นการรับมือกับดีมานด์ที่ตกลง จีนกำลังร่างแผนการช่วยเหลือบริษัทของรัฐบาล คือ ไชน่า สเตท ชิปบิลดิ้ง คอร์ป และไชน่า ชิปบิลดิ้ง อินดัสทรี คอร์ป ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีการผลักดันให้กลุ่มธุรกิจชิปปิ้งของรัฐได้รับคำสั่งซื้อที่ถูกยกเลิกไปโดยบริษัทชิปปิ้ง และทำให้อัตราค่าธรรมเนียมต่างๆลดลงไปอีก
แอนดี้ เมง นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าวว่า ปัญหาหลักของกลุ่มธุรกิจต่อเรือก็คือ แนวโน้มของการยกเลิกคำสั่งต่อเรือ และความต้องการของรัฐบาลก็คือการคุ้มครองและดูแลคำสั่งซื้อของบริษัทต่อเรือที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ และประเมินว่า คำสั่งต่อเรือที่มีอยู่เดิม 60% ในจีนอาจจะถูกยกเลิกไปในช่วง 2 ปีข้างหน้า
บลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัท ซิโนทรานส์ ชิปปิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งสินค้าโภคภัณฑ์และสาขาของไชน่า เนชั่นแนล อาจจะสั่งซื้อเรือมากขึ้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเรื่องของราคาและสถานการณ์ในตลาดด้วย บริษัทวางแผนที่จะใช้งบ 374.5 ล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อเรือใหม่ๆในปีนี้และปีหน้า ทางด้านโฆษกของบริษัท ไชน่า ชิปปิ้ง เดเวลล็อปเมนท์ ซึ่งเป็นสาขาของบริษัท ไชน่า ชิปปิ้ง เปิดเผยว่า บริษัทยังไม่ได้รับข้อมูลใดๆเกี่ยวกับแผนการดังกล่าวของรัฐบาล
อัตราค่าระวางเรือร่วงลงสู่ระดับที่ไม่สามารถทำกำไรได้ หลังจากที่จีนลดการนำเข้าสินแร่เหล็กลง เพราะธุรกิจก่อสร้างที่ชะลอตัวและการขยายตัวที่ซบเซา ส่วนดัชนี BDI ร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 20 แล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นสถิติที่อ่อนตัวลงจากระดับปีที่แล้วเหลือ 81%