หม่า เหว่ยฮัว ประธานไชน่า เมอร์ชานท์ แบงค์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 5 ของจีนเมื่อพิจารณาจากมูลค่าการตลาดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.85 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลนั้น จะส่งผลดีต่อธนาคารในด้านการกระตุ้นการปล่อยกู้ให้กับโครงการสาธารณูปโภค และการปล่อยเงินกู้ระยะกลางและระยะยาว อีกทั้งยังช่วยปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ในบัญชีเงินกู้ของธนาคาร
ในปีนี้ ยอดการปล่อยเงินกู้ของธนาคารจีนพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากรัฐบาลได้สั่งการให้ธนาคารให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่โครงการก่อสร้างถนนหนทาง ทางรถไฟและสะพาน เพื่อรับมือกับผลกระทบต่างๆนานาที่เกิดขึ้นจากการส่งออกที่ร่วงลง การขยายขอบเขตสินเชื่อให้กับโครงการต่างๆที่รัฐบาลให้การสนับสนุนนั้น จะเป็นการเปิดทางให้ธนาคารต่างๆเพิ่มรายได้ และจำกัดความเสี่ยงจากหนี้เสียได้มากขึ้นเช่นกัน
บลูมเบิร์กรายงานว่า ยอดปล่อยเงินกู้ชุดใหม่ของจีนเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง 1.87 ล้านล้านหยวน หรือ 2.74 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค. ส่งผลให้ตัวเลขปล่อยกู้โดยรวมในไตรมาสแรกของจีนอยู่ที่ 4.56 ล้านล้านหยวน นับเป็นตัวเลขที่ต่างจากเป้าการปล่อยเงินกู้ชุดใหม่ที่รวมเวลาตลอดทั้งปีของรัฐบาลไม่มากนัก
เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา ธนาคารโลกระบุว่า แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ซึ่งพุ่งเป้าไปที่โครงการสาธารณูปโภคนั้น จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจจีนดีดตัวขึ้นในปีนี้ และยังช่วยรับมือกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยอีกด้วย รายงานของธนาคารโลกยังชี้ด้วยว่า แรงซื้อของบริษัทเอกชนมีมากขึ้น รวมทั้งการลงทุนในสินทรัพย์คงทั้ และยอดขายยานพาหนะ ปัจจัยเหล่านี้บ่งชี้ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มสส่งผลเป็นรูปธรรม
ในขณะที่ภาวะสินเชื่อคึกคัก นักลงทุนก็มีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นเร็วกว่าเดิม และยังช่วยคลายความวิตกกังวลเรื่องหนี้เสียที่อาจจะสูงขึ้น รวมถึงการดำเนินการที่อาจจะอ่อนตัวของสถาบันการเงิน