กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าในเดือนก.พ.ปรับตัวลดลง 28.3% มาอยู่ที่ระดับ 2.597 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยกดดันให้สหรัฐมียอดนำเข้าสินค้าลดลงเป็นเดือนที่ 7 ขณะที่การส่งออกดีดตัวขึ้นเล็กน้อย โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขขาดดุลที่ลดลงเป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่บ่งชี้ว่าภาวะขาลงทางเศรษฐกิจสหรัฐอาจเริ่มคลี่คลายลงแล้ว
นักวิเคราะห์บางกลุ่มกล่าวว่า บรรยากาศทางการค้าที่ฟื้นตัวดีเกินคาด ประกอบการการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นอาจช่วยให้เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวได้ไม่ถึง 5% ในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งดีขึ้นจากที่ดิ่งลง 6.3% ในไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับที่ร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2525
"สถานการณ์ต่างๆยังคงเลวร้าย แต่จะไม่รุนแรงเหมือนแต่ก่อน ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีในสภาวะเช่นนี้" ซาล กวาเทียรี นักวิเคราะห์จากบีเอ็มโอ แคปิตอล มาร์เกตส์กล่าว
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่แข็งแกร่งช่วยกระตุ้นการส่งออกให้พุ่งสูงขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่ลดลงมาตลอด 6 เดือน แต่นักวิเคราะห์ยังวิตกกังวลว่า ตัวเลขดังกล่าวอาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ในขณะที่เศรษฐกิจทั่วโลกจะยังอ่อนแอต่อไปในระยะยาว
เดวิด วายส์ นักวิเคราะห์จากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ กล่าวว่า ยอดส่งออกดีดตัวขึ้นในระยะสั้นๆ เนื่องจากเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา และเศรษฐกิจทั่วโลกยังเลวร้ายมากกว่าที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ซึ่งปัจจัยทั้ง 2 ส่วนนี้จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกในอนาคต"
โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลที่ 3.73 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ยอดขาดดุลการค้ายังคงทรงตัวในระดับต่ำไปตลอดทั้งปี 2552 เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ยังไม่สิ้นสุดลงในปลายปีนี้ ซึ่งภาวะดังกล่าวจะคอยฉุดรั้งอุปสงค์ผู้บริโภค