นายทาโร่ อาโสะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 15 ล้านล้านเยน หรือ 1.50 แสนล้านดอลลาร์ในการแถลงข่าววันนี้ โดยมีเป้าหมายฟื้นเศรษฐกิจที่ดำดิ่งสู่ภาวะถดถอยที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 นับเป็นการใช้งบประมาณรวม 25 ล้านล้านเยนแล้วสำหรับการฟื้นเศรษฐกิจ หลังจากที่เข้ามารับตำแหน่งนายกฯเมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้ว
สำหรับสาระสำคัญของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่สามนี้ ได้แก่
- จัดหาเงิน 120,000 เยน/เดือนให้แก่ผู้ที่ไม่มีงานทำและไม่ได้รับสวัสดิการคนว่างงาน ในขณะที่พวกเขาเข้ารับการฝึกอบรมวิชาชีพ
- ให้เงินอุดหนุน 100,000 เยนสำหรับการซื้อรถประหยัดพลังงานคันใหม่
- คืนเงิน 5% ของราคาซื้อสำหรับผู้ที่ซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และคืนเงินสูงสุดถึง 10% เมื่อซื้อโทรทัศน์ระบบดิจิตอล
- แจกเงิน 36,000 เยนให้แก่เด็กก่อนวัยเรียนอายุระหว่าง 3-5 ปีในปีงบประมาณ 2552
- เพิ่มเที่ยวบินระหว่างประเทศจำนวน 100 เที่ยวบินต่อวันในเขตมหานครโตเกียวภายในสามปีข้างหน้า
ทั้งนี้ เมื่อรวมการรับประกันและมาตรการทางการเงินแล้ว จะทำให้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวมีมูลค่ารวมถึง 56.8 ล้านล้านเยน
โดยวานนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรของญี่ปุ่นพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. หลังจากที่ นายทาเคโอะ คาวามูระ หัวหน้าเลขาครม.กล่าวว่า ญี่ปุ่นจะออกตราสารหนี้ถึง 11 ล้านล้านเยนเพื่อสนับสนุนแผนการดังกล่าว
ขณะที่นายอาโสะซึ่งจะต้องลงสู้ศึกเลือกตั้งอีกครั้งในปีนี้ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมสุดยอด G20 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่ได้วิจารณ์เยอรมนีที่ยังคงลังเลที่จะใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ
จอห์น ริชาร์ด นักวิเคราะห์ของโรยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ กล่าวกับบลูมเบิร์กว่า มาตรการกระตุ้นเหล่านี้เป็นมาตรการที่จำเป็นและส่งผลด้านบวกเป็นอย่างยิ่ง