สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 เม.ย.) หลังจากที่นักลงทุนรีรอเข้าซื้อในตลาดหุ้นและตลาดปริวรรตเงินตรา เพื่อรอดูรายงานผลประกอบการที่บรรดาธนาคารและบริษัทเอกชนหลายแห่งจะเปิดเผยในสัปดาห์นี้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 895.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ปรับตัวขึ้น 12.50 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 882.90-901.20 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดที่ 12.7680 ดอลลาร์/ออนซ์ กระโดดขึ้น 43.8 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 5.45 เซนต์ ปิดที่ 2.1255 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ปิดที่ 1,247.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ทะยานขึ้น 51.70 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 242.35 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 11.25 ดอลลาร์
ทั้งนี้ ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำและแห่เข้าเทรดในตลาดหุ้นและตลาดปริวรรตเงินตรา หลังจากเริ่มมีความหวังว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ส่งผลให้หุ้นและดอลลาร์ปรับตัวขึ้นคึกคัก แต่ทองคำกลับร่วงลง
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ นักลงทุนลังเลที่จะเข้าซื้อในสองตลาดดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่าบริษัทต่างๆอาจรายงานผลประกอบการที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ ส่งผลให้ตลาดทองคำได้รับอานิสงส์จากปัจจัยดังกล่าว เพราะตลาดทองคำถูกมองว่าเป็นที่พึ่งพิงที่ปลอดภัยของนักลงทุนในยามที่ตลาดหุ้นและตลาดเงินผันผวน
โดยวานนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลง 25.57 จุด หรือ 0.32% แตะที่ 8,057.81 จุด หลังจากที่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 246.27 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นสูงสุดลำดับที่ห้าในปีนี้ หลังจากธนาคารเวลส์ ฟาร์โก เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการที่ดีเกินคาด เนื่องจากธุรกิจด้านการปล่อยกู้ที่แข็งแกร่งขึ้น
นักลงทุนกำลังรอดูผลประกอบการไตรมาสแรกของบรรดาธนาคารและบริษัทเอกชน อาทิ โกลด์แมน แซคส์, ซิตี้กรุ๊ป และเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ตลอดจนเจเนอรัล อีเลคทริก, อินเทล คอร์ป และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งจะบ่งชี้ได้ว่าช่วงขาลงของเศรษฐกิจได้ถึงจุดสิ้นสุดหรือยัง นอกจากนี้ ในสัปดาห์นี้ ยังมีกำหนดการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภค ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และตัวเลขการสร้างบ้านใหม่อีกด้วย