เอ็นอีซี อิเล็กทรอนิกส์ คอร์ป (NEC Electronics Corp.) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการเจรจาเกี่ยวกับการควบรวมกิจการกับเรเนซัส เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างฮิตาชิและมิตซูบิชิ อิเล็กทริก เพื่อหาทางรับมือกับภาวะขาลงของอุปสงค์เซมิคอนดักเตอร์สำหรับใช้ในโทรศัพท์มือถือและทีวีจอแบน
ชิโร อิโนกุมะ โฆษกหญิงแผนกธุรกิจชิพของเอ็นอีซี คอร์ปกล่าวว่า การควบรวมกิจการของเอ็นอีซีกับเรเนซัสเป็นหนึ่งในทางเลือกที่บริษัทพิจารณาเพื่อหวังกระตุ้นการแข่งขัน โดยขณะนี้บริษัทยังไม่ได้ข้อสรุปในการพิจารณาเรื่องดังกล่าว
โดยนสพ.นิกเกอิของญี่ปุ่นรายงานว่า เอ็นอีซี และเรเนซัส ตั้งเป้าที่จะบรรลุข้อตกลงกันภายในเดือนนี้และจะควบรวมกิจการภายในเดือนเม.ย.2553 ซึ่งการควบกิจการครั้งนี้จะทำให้เอ็นอีซีเป็นผู้ผลิตชิพรายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วยยอดขายรายปีที่กว่า 1.2 ล้านล้านเยน (1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บรรดาผู้ผลิตชิพต่างหาลู่ทางควบรวมกิจการในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยได้ฉุดรั้งอุปสงค์ชิพที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ทีวีจอแบน และโทรศัพท์มือถือให้ปรับตัวลดลง โดยบริษัทวิจัยการ์เนอร์ อิงค์คาดว่ายอดขายในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จะลดลง 24% ในปีนี้
ยูกิฮิโกะ ชิมาดะ นักวิเคราะห์จากบริษัทมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ กล่าวแสดงความคิดเห็นกับทางบลูมเบิร์กว่า การปรับโครงสร้างในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้และความเคลื่อนไหวเช่นนี้จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งการควบกิจการจะช่วยให้บริษัททั้งสองสามารถดำเนินธุรกิจไมโครคอนโทรลเลอร์และชิพสำหรับโทรศัพท์มือถือได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาว